กองปราบฯ ร่วม FBI ทลายองค์กรอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก

1 มิ.ย. – ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ FBI ทลายองค์กรอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก หลังเหิมเกริมโจมตีระบบองค์การใหญ่ เรียกค่าไถ่ พ่วงแฮ็กระบบสวมรอยรับเงินสวัสดิการรัฐ เสียหายกว่า 190 ประเทศ


กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล รอง ผกก.2 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป., บก.ปอท. และเจ้าหน้าที่ FBI ร่วมกับ Federal Bureau of Investigation (FBI) โดย นายไมค์ ไช FBI attache ประจำประเทศไทย

ร่วมกันตรวจค้นที่พัก 4 หลัง ได้แก่ 1.บ้านหลังหนึ่ง ถ.พระตำหนัก ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 2.ห้องพักในคอนโดมิเนียม พื้นที่หมู่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 3.ห้องพักในคอนโดมิเนียม หมู่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และ 4.ห้องพักในคอนโดมิเนียม พื้นที่หมู่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี


ตรวจยึดของกลาง 1.เงินสดสกุลเงินไทยและต่างประเทศ รวมมูลค่ากว่า 7.5 ล้านบาท 2.นาฬิกาหรู จำนวน 13 เรือน (มีนาฬิกา AUDEMARS PIGUET 3 เรือน ตาม MLAT) รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท 3.เครื่องประดับ จำนวน 23 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท 4.รถยนต์ BMW X7 M50d สีดำ จำนวน 1 คัน 5.โฉนดที่ดิน เอกสารแสดงความเป็นเจ้าของและสัญญาการซื้อขายที่ดิน สถานที่ และคอนโดฯ 6.บัญชีธนาคารของผู้ต้องหา และบริษัท Spicy Code และ 7.อุปกรณ์บันทึกข้อมูล Flash Drive ที่เชื่อว่าบันทึกข้อมูลคีย์การเข้ารหัส หรือรหัสผ่านการเข้ารหัส และอื่นๆ

สืบเนื่องจากทางการสหรัฐอเมริกาขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องการดำเนินการทางอาญา เพื่อจับกุมและทลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ โดยทำหนังสือส่งผ่านสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลาง ก่อนจะมีการมอบหมายต่อมายังตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ระบุขอให้ประเทศไทยตรวจสอบและหาพยานหลักฐานของนายยุน เหอ พร้อมพวก ซึ่งเป็นผู้ต้องหาอาชญากรออนไลน์ระดับชาติ โดยเป็นผู้ต้องหาในคดีทำให้เกิดความเสียหายแก่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการป้องกัน ฉ้อโกงผ่านการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ และฟอกเงินแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยทางการสหรัฐอเมริกาแจ้งว่าปฏิบัติการนี้เป็นการทำงานร่วมมือในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยและสิงคโปร์ ในการกวาดล้าง ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งใช้อุปกรณ์ติดตั้งมัลแวร์ ร่วมกับเครื่องมือปกปิดที่อยู่ของเครือข่ายอาชญากร ซึ่งเรียกกันว่า 911 S5 ซึ่งผู้ต้องหาในคดีนี้คือนายยุน เหอ พร้อมพวกคนจีน โดยเฉพาะนายยุน เหอ เป็นผู้ก่อตั้งและดูแลระบบหลักของ 911 S5 ทั้งหมด ขณะที่พวกที่เหลือทำหน้าที่ดูแลเอกสาร ธุรกรรมทางเงิน และตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อทำการฟอกเงิน จำนวน 3 บริษัท อยู่ในประเทศไทย


ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่าเครือข่ายนี้ได้ทำการแฮ็ก IP Address ของคอมพิวเตอร์ 19 ล้านเครื่อง ในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก สร้างความเสียหายมหาศาล และยังมีการโกงเงินจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอีกจำนวนมาก ด้วยการแฮ็กเข้าคอมพิวเตอร์ของชาวอเมริกัน และทำเรื่องขอความช่วยเหลือในเรื่องสวัสดิการต่างๆ แต่เมื่อหน่วยงานรัฐอนุมัติเงินช่วยเหลือ กลับเป็นการโอนเข้าบัญชีของอาชญากร โดยที่บุคคลชาวอเมริกันคนนั้นกลับไม่ทราบเรื่องและไม่ได้รับเงินดังกล่าวแต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังมีการแฮ็กเข้าไปขโมยเงิน เหรียญคริปโตฯ โจมตีทางไซเบอร์ เรียกค่าไถ่ (Ransomeware) ด้วยการปิดกั้นการทำงานขอองค์กรใหญ่ และเรียกค่าไถ่แลกกับการให้ระบบกลับมาใช้งานได้ดังเดิม และยังใช้เป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์จากภาพอนาจารของเด็ก รวมไปถึงการขู่วางระเบิด สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนอีกด้วย ขณะเดียวกันคนร้ายกลุ่มนี้ได้ทำการฟอกเงินที่ได้จากกิจการ ซึ่งกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ได้กำไรหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการบริการผิดกฎหมาย และนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ ยานพาหนะ ทรัพย์สินอื่นๆ ในหลายประเทศ หนึ่งในนั้นคือประเทศไทย

จากข้อมูลข้างต้น พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เรียกประชุมโดยด่วน ก่อนมอบหมายให้กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เป็นผู้รับผิดชอบเนื่องจากเป็นพื้นที่รับผิดชอบ ทำการตรวจค้นที่อยู่อาศัย ยานพาหนะของนายยุน เหอ พร้อมทั้งตรวจยึดอายัดทรัพย์สินตามรายการที่ปรากฏตามหนังสือขอความร่วมมือ รวมทั้งสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว ซักถามปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้อง และตรวจยึดทรัพย์สินตามบันทึกร้องขอ โดยได้ทรัพย์สินตามรายการข้างต้น ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ยังสืบทราบว่าผู้ต้องหามีการนำทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดมาแปรสภาพทรัพย์ในประเทศไทย เป็นลักษณะอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 67 ได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศสิงคโปร์ และเจ้าหน้าที่ FBI ได้ร่วมกันจับกุมนายยุน เหอ ที่ประเทศสิงคโปร์ ไว้แล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

อัญเชิญเรือพระที่นั่งกลับพิพิธภัณฑ์

หลังสร้างความตราตรึงให้กับชาวไทยและคนทั้งโลก กับความงดงามของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค กองทัพเรือ และกรมศิลปากร เริ่มอัญเชิญเรือพระที่นั่ง และเรือพระราชพิธี กลับเข้าสู่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องใช้ความละเอียด รอบคอบ เพราะเรือทุกลำถือเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดิน

ย้อนรอยเส้นทางชีวิต “บิ๊กโจ๊ก”

เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้วที่เส้นทางตำรวจของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ต้องยุติลง หลังถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีพัวพันเว็บพนันออนไลน์ จากนี้ชะตาชีวิต “บิ๊กโจ๊ก” ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. ว่าจะได้กลับมาสวมชุดตำรวจอีกหรือไม่

“ปานเทพ” เปิดหลักฐานสัญญาชัด 71 ล้านเป็นชื่อ “มาดามอ้อย”

“อ.ปานเทพ” เปิดหลักฐานหนังสือสัญญาบอกชัด 71 ล้านบาท เป็นชื่อ “มาดามอ้อย” เปิด 3 รายชื่อให้เร่งตรวจสอบ หวั่นโยกย้ายทรัพย์สิน