ทำเนียบฯ 30 พ.ค.- นายกฯ เรียกถกแก้หนี้นอกระบบ สั่ง บช.น.คิกออฟตลาดนัดแก้หนี้ทั่วกรุง ใน 2 สัปดาห์ รับห่วงปัญหายาเสพติดในชุมชนแออัด ระบาดไม่แพ้ต่างจังหวัด
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเรื่องหนี้นอกระบบ ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่ปรึกษาของคณะกรรมการแก้ไขหนี้นอกระบบ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย และสำนักงานตำรวจนครบาล นำโดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองเดินทางไปที่ตลาดนัดแก้หนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่มีการทำอะไรที่เป็นกิจลักษณะ หรือเผยแพร่เป็นวงกว้าง โดยในวันนี้จะถือว่าเป็นการคิกออฟ เพราะปัญหานี้ครัวเรือน หรือปัญหาหนี้นอกระบบ ไม่ได้อยู่แค่ที่ต่างจังหวัดอย่างเดียว แต่ในกรุงเทพฯ ยังมีคนที่เดือดร้อน ซึ่งตอนนี้ต้องมีการประสานงานอย่างชัดเจนระหว่างฝ่ายการปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ตนเองเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข็นครกขึ้นภูเขา แต่เชื่อว่าเป็นสารตั้งต้นของหลาย ๆ อย่าง อะไรที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ถ้าเกิดทำงานใช้หนี้ดอกเบี้ยไม่พอ ก็หันไปพึ่งยาเสพติด และหันไปเป็นขโมย กับโจร จึงเป็นเรื่องที่อยากให้เรากลับมาเน้นย้ำกันใหม่อีกรอบ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า วันนี้นายกิตติรัตน์ และนายชาดา ก็ทำงานนอกกรุงเทพฯ เยอะแล้ว ทั้งประสานให้มีการพบกันระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ผ่านตลาดนัดแก้หนี้ และนำสถาบันการเงินของรัฐ เข้ามามีส่วนช่วย ซึ่งอยากให้มีการคิกออฟ ในการจัดตลาดนัดทั่วกรุงเทพฯ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปดูว่าแต่ละจุดจะพร้อมเมื่อไหร่ ส่วนอีกเรื่องคือเรื่องยาเสพติด และเรื่องพนันออนไลน์
นายกิตติรัตน์ กล่าวรายงานว่า ลูกหนี้จำนวนไม่น้อยไม่กล้าเข้ามาลงทะเบียน เพราะรู้สึกไม่สบายใจ กังวลว่าจะไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มั่นใจ ถ้าเอาจะชัดเลย คือเรื่องผู้มีอิทธิพล หรือเจ้าหนี้ ซึ่งต้องพึ่งฝ่ายความมั่นคงให้เข้ามาตอกย้ำในส่วนนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้เช็ตอัพกัน จากนี้ไม่น่าจะเกิน 2 สัปดาห์ น่าจะเช็ตอัพการประชุมตลาดนัดแก้หนี้ในสถานีตำรวจทั้งหลายได้ และตนเองจะไปตรวจด้วย ซึ่งดูตามความเหมาะสมว่าจะจัดที่สถานีตำรวจ หรือสำนักงานเขต
ส่วนปัญหาเรื่องออนไลน์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ไปตรวจเยี่ยมที่ สน. พบว่าส่วนมากเข้ามาแจ้งความเรื่องการหลอกลวงออนไลน์ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีคนเดือดร้อนเยอะมาก จะทำอย่างไรเพื่อเป็นการประสานเร่งรัดกับปัญหานี้ให้หมดไปโดยเร็ว ไม่ใช่ไปแจ้งความ ลงบันทึกประจำวัน แล้วปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการไม่มีความคืบหน้า
ในเรื่องของยาเสพติดถือเป็นข้อมูลที่สำคัญ วันนี้การกดำเนินการสามาถจับกุมทั้งประเทศได้ 4 เท่า ถือเป็นข่าวดีแต่ถ้ามองในส่วนที่เป็นข่าวไม่ดีคือราคาของยาบ้าไม่ขึ้นเลย ซึ่งหมายความว่าปริมาณยังคงอยู่ แม้จะจับได้มากกว่าเดิมสี่เท่า แต่ก็ยังมีความต้องการอยู่เหมือนกับว่าเรายังไม่ทำอะไรที่เป็นรูปธรรม ถ้าราคาของยาบ้าสูงขึ้นเยอะแสดงว่าเราทำงานได้ดี วันนี้แม้เราจะทำงานได้ดีแล้ว แต่มันไม่พอ ไม่อยากให้ฝ่ายความมั่นคงเสียกำลังใจ แต่ไม่อยากให้ดูจำนวนที่จับได้ อยากให้ดูที่ราคาที่ยังไม่สูงขึ้น
“ผมอยากจะขอให้เจ้าหน้าที่ให้เข้มแข็งมากขึ้นอีกนิดนึง ขอให้ไปโฟกัสที่ชุมชนแออัด เพราะเป็นภาคส่วนที่เดือดร้อนมาก ขอฝากด้วย เชื่อว่าการที่ทำทุกอย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกัน ทั้งการแก้ปัญหหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของปัญหาผู้มีรายได้น้อย ทำงานเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอทำให้หมดขวัญและกำลังใจ หันไปเสพยา ปล้น ขโมย เรื่องนี้จึงต้องฝากกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และความมั่นคงทำงานให้มากขึ้น แม้ตอนนี้เราจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจก็ดี แต่เราส่วนของฝ่ายความมั่นคงก็ต้องทำงานให้เร็ว ฝากด้วยแล้วกันนะครับ”นายกฯ ระบุ .-316.-สำนักข่าวไทย