ตร.ยันชุดจับกุมตรวจค้นตามกฎหมาย ปัดทำให้แท้ง

สมุทรปราการ 19 พ.ค.-ผู้การปากน้ำ แถลงโต้ปมสาวแจ้งจับชุดปราบปรามยาเสพติด ตรวจช่องคลอดจนแท้งลูก ยืนยันเจ้าหน้าที่ทำตามหลักกฎหมาย ส่งฝ่ายสอบสวนคุยแพทย์ ท้องและแท้งจริงหรือไม่ หากแจ้งความเท็จ จ่อดำเนินคดีข้อหาให้ร้ายเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

ความคืบหน้ากรณีหญิงสาวอายุ 30 ปี ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ หลังจากนำกำลังกว่า 10 นาย นำตัวผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติดและฟอกเงิน เข้าตรวจค้นบ้านพักในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยการตรวจค้น พบแฟนสาวของผู้ต้องหาอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นบ้านพัก และเจ้าหน้าที่ผู้หญิงขอทำการตรวจภายใน เพื่อหายาเสพติด โดยการใช้นิ้วมือสอดเข้าไปในอวัยวะเพศ เป็นเหตุให้เธออ้างว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ ทำให้แท้งลูกในครรภ์ อายุประมาณ 2 เดือน


ล่าสุดผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องกรณีดังกล่าว โดยชี้แจงในหลายประเด็น ทั้งในส่วนของการเข้าตรวจค้นต่อสื่อฯ เพื่อให้ข้อมูลถูกต้องตรงกัน ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยาเสพติดปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมมีการโทรศัพท์ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้หญิง ผู้ตรวจค้น ให้เล่าเหตุการณ์วันเกิดเหตุ โดยการตรวจค้นยาเสพติดสำหรับผู้หญิง จึงเชิญตัวหญิงผู้แจ้งเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนค้นตัว มีการใส่ถุงมือและแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีการซุกซ่อนอะไรไว้ ขณะตรวจค้นได้ขออนุญาตใช้นิ้วชี้แหย่เข้าไปในอวัยวะเพศไม่ถึงข้อแล้วดึงออกมา ก่อนจะสังเกตเห็นเลือด เลยถามผู้แจ้งว่าเป็นประจำเดือนหรือ ผู้แจ้งบอกไม่ได้เป็นประจำเดือน แต่ท้อง และเลือดไหลออกมาอย่างนี้นานนับเดือนแล้ว เกิดจากภาวะเครียดจากปัญหาครอบครัว ใช้เวลาค้นตัว 2 นาที จากนั้นจึงให้ผู้แจ้งสวมเสื้อผ้าแล้วเดินออกมา ขึ้นไปค้นบนห้องต่อ ก็พบผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว ทำให้สงสัยว่าท้อง 2 เดือน แต่ทำไมมีผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว ผู้แจ้งบอกว่าเป็นปกติ เครียดเนื่องจากจับได้ว่าแฟนไปมีผู้หญิงคนอื่น เจ้าหน้าที่ได้ถามว่า ท้องแล้วทำไมไม่ไปฝากครรภ์ และยังมีเลือดไหลออกมาอีก แนะนำให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล เพราะอาจจะเป็นอันตรายกับเด็กในครรภ์ แต่ผู้แจ้งบอกว่าไม่ไป

และจากการที่พนักงานสอบสวน สภ.บางบ่อ ได้คุยกับแพทย์ รพ.เอกชน ที่ตรวจร่างกายผู้แจ้ง ตรวจพบเลือดเล็กน้อยในช่องคลอด ทำให้แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นภาวะแท้งคุกคาม โดยต้องให้หญิงสาวผู้แจ้งไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง ถึงจะทราบว่ามีการตั้งครรภ์จริงหรือไม่ และแท้งด้วยสาเหตุอะไร แต่ถึงตอนนี้สาวคนดังกล่าวยังไม่ไปตรวจร่างกาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามตลอด แต่หญิงสาวผู้แจ้งยังไม่ว่าง ทั้งนี้ หากหญิงผู้แจ้งมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ จงใจกลั่นแกล้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมฯ ได้รับความเสียหาย จะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการเอาผิด ในข้อหาให้ร้ายเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมนำคลิปเสียงการสนทนามอบให้กับสื่อมวลชน เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการนำเสนอด้วย


ส่วนความคืบหน้าทางคดี สามีของหญิงสาวผู้แจ้ง ถูกส่งดำเนินคดีที่ สภ.สำโรงใต้ ส่วนหญิงสาวผู้แจ้ง ถูกจับดำเนินคดีในข้อหา พ.ร.บ.แชร์ ส่งตัวดำเนินคดีที่ สภ.บางบ่อ และได้ประกันตัวออกไป ล่าสุดพนักงานสอบสวนอนุญาตให้หญิงคนนี้ประกันตัวชั่วคราวในคดีเป็นนายวงแชร์ฯ และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยตลอดวันที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เรียกให้หญิงคนนี้มาพบ เพื่อไปตรวจร่างกายโดยละเอียดอีกครั้ง ที่โรงพยาบาลของรัฐตามขั้นตอน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มาพบเจ้าหน้าที่

คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 ขณะเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด กองบังคับการตำรวจจังหวัดสมุทรปราการ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติดและฟอกเงิน และขยายผลค้นบ้านพัก อ.บางบ่อ ซึ่งไปถึงบ้าน พบแต่หญิงวัย 30 ปี ซึ่งเป็นแฟนของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ผู้หญิงได้ลงมือตรวจภายใน ใช้นิ้วมือสอดเข้าไปในอวัยวะเพศ แต่หลังตรวจค้น หญิงคนนี้ไปตรวจร่างกายแล้วบอกว่า การตรวจของตำรวจหญิง เป็นเหตุให้แท้งลูกในครรภ์ อายุประมาณ 2 เดือน โดยอ้างผลตรวจของแพทย์ที่ระบุว่าพบภาวะแท้งคุกคาม หญิงคนนี้จึงปรึกษาทนายความ ก่อนแจ้งความกับตำรวจภูธรบางบ่อ เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตรวจค้นจับกุม เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา

ผู้เสียหายเล่าย้อนว่า วันนั้นแฟนโทรบอกให้ลงมาเปิดประตู ตำรวจนำหมายเข้าตรวจค้นบ้าน เมื่อเปิดประตูให้ จึงขอใช้โทรศัพท์ถ่ายคลิปขณะตรวจค้น แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตและได้เก็บโทรศัพท์ของตนไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้หญิงขอตรวจภายใน โดยใช้นิ้วมือล้วงเข้าไปในอวัยวะเพศ จนมีเลือดติดนิ้วออกมา เจ้าหน้าที่ผู้หญิงถามว่ามีประจำเดือนหรือ ตนตอบว่าไม่มี เพราะตั้งครรภ์อยู่ ซึ่งสามีก็บอกเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่าตนตั้งครรภ์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาขึ้นไปตรวจค้นที่ห้องนอน 20 นาที ระหว่างที่ตรวจค้น ตนปวดท้องมาก เลยขอเข้าห้องน้ำ จนมีก้อนเลือดหลุดออกมา จากนั้นก็รีบออกมาดูเจ้าหน้าที่ตรวจค้นต่อ เมื่อค้นเสร็จก็พาตนขึ้นรถไปที่เมืองสมุทรปราการ และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจโทรศัพท์มือถือของตน พบว่ามีการเล่นแชร์ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีจำนวนวงแชร์รวมกันมากกว่าสามวง, มีจำนวนสมาชิกวงแชร์รวมกันทุกวงมากกว่าสามสิบคน และยึดโทรศัพท์ พร้อมนำตัวส่งดำเนินคดีที่ สภ.บางบ่อ กระทั่งเวลา 21.28 น. ได้ไปตรวจร่างกายที่ รพ.สำโรง ซึ่งใบรับรองแพทย์ระบุพบภาวะแท้งคุกคาม จึงนำเรื่องปรึกษาทนายความ และเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจชุดจับกุมดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ