นายกฯ ปัดแนวคิดแก้ พ.ร.บ. ลดอำนาจผู้ว่าฯ ธปท.

ร้อยเอ็ด 6 พ.ค.-นายกฯ ยันเสียงแข็ง ไม่เคยคิดปลดผู้ว่าฯ ธปท. ยังไงท่านก็ยังอยู่ตรงนี้ รับเห็นต่างเรื่องลดดอกเบี้ย มองเป็นเรื่องธรรมดา โนคอมเมนต์ #saveผู้ว่าแบงก์ชาติ ย้ำชัดไม่เคยมีแนวคิดแก้ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระหว่างการลงพื้นที่โรงพยาบาลโพนทอง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถึงความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล กับการทำงานคนละทางของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นอุปสรรคต่อการทำดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ ว่า ปัญหาเรื่องการทำงานคนละทาง ตนไม่เคยบอกว่าเป็นอุปสรรค หากมีข้อสงสัย หน้าที่ของตนคือต้องอธิบาย ตรงนี้ไม่เป็นปัญหา ส่วนเรื่องที่บอกว่าเรามีปัญหากับธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ตนก็เห็นต่างกัน มีการชี้แจงไปอย่างชัดเจนแล้ว


เมื่อถามว่า เห็นต่างในเรื่องข้อกฎหมายที่อาจเป็นอุปสรรค มีแนวคิดที่จะแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ได้มีแนวคิดตรงนี้ เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะดูแล ตนไม่เคยพูด

ส่วนที่มีกระแสข่าวถึงขั้นว่า รัฐบาลพยายามแก้ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อลดอำนาจของผู้ว่าฯ ธปท. ที่มากเกินไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็น ธปท. รัฐบาล สภา เรามาอยู่ด้วยกัน มาดูแลพี่น้องประชาชน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ส่วนเรื่องการแก้ไขกฎหมาย ต้องเป็นเรื่องที่ส่งมาจากกระทรวงการคลัง ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ยังไม่เห็นเรื่องนี้


เมื่อถามว่า ข้อทักท้วงของผู้ว่าฯ ธปท. กับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จะเป็นตัวฉุดรั้งให้เป็นอุปสรรคหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มี มั่นใจ และได้อ่านข้อมูลเรียบร้อย

ส่วนจะต้องมีการพูดคุยอะไรกันอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากเขามีคำถามมา ก็เป็นหน้าที่เราที่ต้องตอบ ทุกอย่างตอนนี้โครงการเริ่มเดินแล้ว และจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเมื่อไหร่นั้น จะให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ชี้แจง

ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงแนวคิดเรื่อง พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ตนไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย แต่ในอนาคตตนไม่ทราบว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะมีการดูตรงนี้หรือไม่


เมื่อถามว่า จากกระแสข่าวและภาพที่ออกมา จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต ที่รัฐบาลยืนยันว่าจะได้ในไตรมาส 4 ยังมีโอกาสที่จะได้พูดคุยกับผู้ว่าฯ ธปท. ส่วนตัวอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เมื่อวานนี้ตนพูดชัดเจนไปแล้ว และเรื่องเงินดิจิทัล วอลเล็ต ตนก็เพิ่งได้ยินว่ามีปัญหา ตนว่ามันไม่มีปัญหาอะไรเลย มีการแถลงข่าวไปแล้ว พวกท่านเองก็พยายามบอกมีปัญหา ซึ่งไม่มีปัญหาเลย เราได้คุยกันเรื่องเงินไปแล้ว วันนี้ทุกฝ่ายต่างคนต่างมีหน้าที่ ตรงไหนที่ต้องตรวจเช็กกับกฤษฎีกา ก็ต้องทำงานกันไป

เมื่อถามว่า ภาพความขัดแย้งตอนนี้ค่อนข้างชัดเจน แต่ตัวนายกรัฐมนตรี กับผู้ว่าฯ ธปท. ไม่รู้ว่ามีความขัดแย้งจริงหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนว่าอย่าดูที่ภาพดีกว่า ดูที่เนื้องานดีกว่า อย่างที่บอกเรื่องดอกเบี้ยชัดเจน ตนไม่เคยปฏิเสธว่าดอกเบี้ยสูงควรจะลด ท่านผู้ว่าฯ ธปท. ก็บอกว่าดอกเบี้ยไม่สูง ไม่ควรจะลด ก็ชัดเจน ตนก็ไปหาวิธีอื่นที่จะบรรเทาทุกข์ของประชาชน ได้เชิญตัวแทน 4 ธนาคาร มาพูดคุย ตนก็ไม่เคยไปมีประเด็นอะไรกับท่าน และเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่า ธนาคารก็ลดดอกเบี้ย ตนก็ขอขอบคุณ และตนก็เดินหน้าต่อไป บรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชน ตนก็ไม่ได้มีการไปต่อว่าท่านผู้ว่าฯ ธปท.

ส่วนมีข้อเสนอให้แก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย แม้นายกรัฐมนตรีจะบอกว่าไม่เคยพูด แต่มีข่าวนำเสนอออกมา จะยิ่งเป็นภาพว่าพรรคเพื่อไทยกดดัน ซึ่งผู้สื่อข่าวยังไม่ทันได้ถามจบ นายกรัฐมนตรี รีบตอบแทรกว่า ท่านก็ต้องไปถามต้นตอของข่าว

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แต่ภาพที่ออกมา ดูเหมือนว่าทางรัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทย กดดันให้ผู้ว่าฯ ธปท. ลาออก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่เคยพูดว่าให้ผู้ว่าฯ ลาออก เรื่องปลดผู้ว่าฯ ด้วยความเคารพ ถ้าผู้ว่าฯ ฟังอยู่ “ผมไม่เคยกดดันนะครับ ผมไม่เคยพูดด้วยนะครับ ผมอาจจะมีการพูดคุย พูดถึงเรื่องเนื้องานเป็นหลัก ว่าเรื่องของดอกเบี้ยมันสูง จริง ๆ แล้วผมก็พูดแค่นี้ ตลอดระยะเวลาที่ผมเข้ามาเป็นผู้นำรัฐบาล ผมพูดแค่นี้มาโดยตลอด ก็พูดแค่นี้แหละครับ”

เมื่อถามว่า องคาพยพให้สัมภาษณ์ลักษณะติงกันทางอากาศ นักการเมืองมาแล้วก็ไป ขณะที่ผู้ว่าฯ ธปท.เองก็ต้องรักษาสถานภาพไว้ให้แข็งแกร่ง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนคงไม่ไปคอนเมนต์เกี่ยวกับเรื่องว่าใครพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ ธปท. สภา เรามาทำงานเพื่อประชาชน จิตใจผมยึดโยงกับพี่น้องประชาชน มาทำงานเพื่อประชาชนและกฎหมาย

เมื่อถามว่า จะลดอุณหภูมิตรงนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อุณหภูมิจะถูกลดลง ก็ต่อเมื่อปัญหาของพี่น้องประชาชนถูกแก้

ส่วนจะต้องเรียกผู้ว่าฯ ธปท.มาพบตัวต่อตัว เพื่อลดปัญหาต่างคนต่างพูดหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้ต่างคนต่างพูดอะไรเลย ตนยึดโยงกับประชาชนอย่างเดียว ท่านผู้ว่าฯ ธปท.พูดเองว่า ถ้ามีอะไรก็สื่อสาร ก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และติดตามผ่านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ตนก็ได้มีการสั่งการไปแล้ว

ส่วนช่วงแรกที่มีภาพการคุยกันของนายกรัฐมนตรี กับผู้ว่าฯ ธปท. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ท่านผู้ว่าฯ บอกเองไม่อยากให้สื่อสารโดยตรง ให้ผ่านกระทรวงการคลัง ตนก็ทำตามที่ท่านบอกมา ตนก็ไม่ได้เชิญสื่อมวลชนมา แล้วกล่าวโทษผู้ว่าฯ ส่วนที่สื่อถามว่า ดอกเบี้ยสูงหรือไม่ ตนก็บอกว่าดอกเบี้ยสูงก็เท่านั้น ตนไม่ได้เป็นคู่กรณีกับผู้ว่าฯ คู่กรณีของตนคือความยากจนของประชาชน เพราะความยากจนเกิดจากดอกเบี้ยสูง ตนก็บอกแค่นี้ ถ้าจะเปลี่ยนใจตน ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้ แต่ตนเชื่อว่า ฝ่ายการเมือง รัฐมนตรี ฝ่ายองค์กรอิสระ และ ธปท.เอง ก็เชื่อว่ามีความปรารถนาดีกับประชาชน แต่เรามองเห็นปัญหาคนละแบบ ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่

เมื่อถามว่า นโยบายการเงินการคลัง ดูเหมือนไม่ไปในทางเดียวกัน จะบริหารงานยากหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า มีความยากลำบาก

ส่วนจะทำอย่างไรให้ธนาคารแห่งประเทศไทยกับรัฐบาล มาเจอกันให้ได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีหลายองค์ประกอบ หนี้สาธารณะเป็นเปอร์เซ็นต์ของจีดีพี เราสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ หากจีดีพีโต เราก็กู้ได้อีก เปอร์เซ็นต์หนี้สาธารณะก็ไม่สูงขึ้น เราก็มีกรอบชัดเจน ถ้าไม่เกิน 10% ของจีดีพี เป็นข้อตกลงร่วมกัน ไม่ได้มีข้อขัดแย้งอะไร ตนมีหน้าที่เอานโยบายการคลังมาดูแลประชาชนด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนจะส่งเสียงดัง ๆ ถึงผู้ว่าฯ ธปท. หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ ไม่มีอะไรต้องพูด ตนสื่อสารชัดเจน เรื่องที่เราไม่เห็นด้วยก็คือไม่เห็นด้วย อย่าว่าแต่ผู้ว่าฯ ธปท. คนในพรรคเราเองเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทุกคน นโยบายต่าง ๆ ก็มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ก็พูดคุยกันไป อย่าให้มีวาทกรรมว่าจะปลด มันไม่ใช่ ไม่ได้อยู่ในความคิดของตนแม้แต่นิดเดียว เราอยู่ด้วยกันเป็นผู้ใหญ่ มีความประสงค์ดีต่อประชาชน เพราะฉะนั้นการเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดาปกติ แต่หันมาพูดคุยก็สื่อสารกันได้ เชื่อว่าทุกท่านมาทำงานเพื่อประชาชน อย่าไปเอาเป็นเรื่องส่วนตัวเข้ามาดีกว่า เรื่องความขัดแย้งเป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่พอมีเห็นต่าง เราก็พยายามที่จะบริหารความเห็นต่างตรงนี้ บนบรรทัดฐานที่เราต้องแก้ไขปัญหาของประชาชน

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ตนไม่มีคอมเมนต์ ที่ในโซเชียลมีเดียติดแฮชแท็กเซฟผู้ว่าฯ ธปท. ไม่มีความรู้สึกว่าท่านต้องถูกเซฟ เพราะท่านก็มาถูกต้อง และทำหน้าที่ของท่าน หลายอย่างที่ท่านทำ ผมเห็นด้วยก็มี และก็เชื่อว่า หลายอย่างที่ผมทำก็มีเรื่องที่ท่านเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่เราก็เป็นผู้ใหญ่ด้วยกัน อย่างน้อยตนคิดว่าฝ่ายตนทำเพื่อประชาชน ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะมาขัดแย้งอะไรเลย ผมว่าท่านไม่ต้องการการเซฟ ยังไงท่านก็อยู่ตรงนี้ ไม่ได้มีใครจะไปกดท่าน รัฐมนตรีคนใหม่ก็ไม่ได้พูด เพียงแต่ท่านแปลเรื่องที่เรามีความเห็นไม่ตรงกันบางเรื่อง พยายามยกระดับขึ้นไปให้มีความขัดแย้งสูงขึ้น ตนยืนยัน ณ ที่นี้ว่า ไม่ว่าจะในที่สาธารณะหรือที่ส่วนตัว ตนพูดแค่เรื่องดอกเบี้ยอย่างเดียว ไม่ได้พูดเรื่องกำกับดูแลธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องดี ๆ ที่ถูกต้องก็ไม่ต้องมาชมกันหรอก ท่านก็ทำไป.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยยื่นหนังสือถึงสหประชาชาติปมชายแดนไทย-กัมพูชาเช่นกัน

5 ก.ค. – โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงไทยยื่นหนังสือถึงสหประชาชาติเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเช่นกัน เพื่อชี้แจงท่าทีของประเทศไทย ตามที่มีการสอบถามจากสื่อต่าง ๆ เรื่องในสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับหนังสือของเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรกัมพูชา ณ นครนิวยอร์ก ถึงเลขาธิการสหประชาชาติต้องการจะฟ้องร้องประเด็นชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาต่อ ICJ หรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศนั้น นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า

ปลัด อบต. ถูกหลอกลงทุน สูญ 4 ล้าน

บุรีรัมย์ 5 ก.ค. – ปลัด อบต.สาวชาว ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นหมอเกษียณ ทักมาจีบ แล้วหลอกร่วมลงทุนอ้างผลตอบแทนสูง หลงเชื่อสูญ 4 ล้าน นำที่ดินไปจำนอง รถเข้าไฟแนนซ์ นส.ปลา ปลัด อบต.สาว แห่งหนึ่ง ในจังหวัดศรีสะเกษ นำข้อความแชตสนทนาและรูปโปร์ไฟล์ของชายคนหนึ่งอ้างตัวเป็นแพทย์ รพ.ชื่อดัง ชื่อ เจ ซึ่งปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้วออกมาร้องสื่อมวลชน ในจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อขอความช่วยเหลือโดยอ้างว่า ถูก นายแพทย์คนดังกล่าวหลอกลวง ด้วยวิธีการทักเฟซบุ๊กมาจีบ เมื่อ 21 พ.ย.67 ก่อนจะขอแอดไลน์ระหว่างนั้นมีการพูดคุยวิดีโอคอนสานสัมพันธ์กัน ผ่านไปไม่นานก็หลอกล่อให้ร่วมลงทุนผ่านแอปฯ อ้างว่าจะได้ผลตอบแทนสูงยิ่งลงทุนมากยิ่งผลตอบแทนมาก จนหลงเชื่อร่วมลงทุน     ครั้งแรก หมอเจ ชักชวนให้ลองลงทุน เป็นเงิน 50,000 บาท มีการเติมเงินเข้าระบบ และลองเล่นที่ห้องที่ 1 ตามที่หมอเจแนะนำ จนเสร็จสิ้นขั้นตอนการเล่น ปรากฏว่าได้ผลตอนแทน เป็นเงิน 54,000 บาทจริง ต่อมาหมอเจ ก็โน้มน้าวต่อ หากอยากเล่นแบบมีรายได้เยอะกว่านี้ ก็ให้เติมเงินเข้าระบบไปเล่นที่ห้อง 2-10 ตนเห็นว่าครั้งแรกได้เงินจริง […]

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

เด้ง 5 เสือ สน.บางเขน เซ่นจับบ่อนสะพานใหม่

กทม. 5 ก.ค. – สั่งเด้ง 5 เสือ สน.บางเขน เซ่นจับบ่อนสะพานใหม่ ขณะที่เช้านี้เจ้าหน้าที่คุมตัว 72 นักพนัน ไปฝากขังศาลแขวงดอนเมือง พบส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุภาอ้วน รอง ผบก.น.2 รรท.ผบก.น.2 ลงนามในคำสั่ง กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ที่ 183/2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ และแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเมื่อวันที่ 4 ก.ค.68 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เข้าทำการสืบสวนสถานที่ต้องสงสัย ซึ่งคาดว่าเป็นบ่อนการพนัน บริเวณอาคารพาณิชย์ กลางซอยพหลโยธิน 52 แยก 3 แขวงคลงถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร และได้จับกุมผู้ต้องหากับพวกในข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันไฮโล เพื่อพนันเอาทรัพย์สินกัน โดยไม่ได้รับอนุญาต”และ “ร่วมกันเข้าเล่นหรือเล่นการพนันโฮโลเพื่อพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งเหตุดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของสน.บางเขน เพื่อให้การบริหารงานในภาพรวมของ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเรียบร้อย […]