ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 28 เม.ย. – สมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่าง 28-29 เมษายน 2567 ในรอบ 12 ปี เพื่อฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 40 ปี และจะทรงเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารความร่วมมือ 2 ฉบับ
เมื่อเวลา 15.30 น. สมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม เสด็จพระราชดำเนินถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 28-29 เมษายน 2567 ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยมีเจ้าชายอับดุล มาติน โดยเสด็จด้วย โอกาสนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เฝ้าฯ รับเสด็จ
โดยวันพรุ่งนี้ (29 เม.ย.) รัฐบาลไทยจะมีพิธีรับเสด็จอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทรงเข้าร่วมการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี ทรงร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ของประเทศไทยกับบรูไนดารุสซาลาม รวม 2 ฉบับ ได้แก่ (1) บันทึกความเข้าใจระหว่างกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการของไทยและสำนักงานการลงทุนบรูไนฯ (2) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรพื้นฐานและการท่องเที่ยวแห่งบรูไนดารุสชาลาม และทรงเข้าร่วมงานถวายเลี้ยงพระกระยาหารกลางวัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพ
สำหรับการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม ทรงมีกำหนดเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
ทั้งนี้ ประเทศไทยและบรูไนดารุสซาลาม ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2527 การเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งนี้มีความสำคัญยิ่งในการเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศในปี 2567 อีกทั้งเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในรอบ 12 ปี
การเสด็จเยือนประเทศไทยครั้งนี้เป็นโอกาสในการขยายความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน อุตสาหกรรมฮาลาล การท่องเที่ยว เศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งกระชับความร่วมมือในระดับภูมิภาคและแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ.-316-สำนักข่าวไทย