ระยอง 28 เม.ย. – กรมควบคุมมลพิษ เผยผลตรวจติดตามผลกระทบทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากเหตุเพลิงไหม้โกดังโรงงานเก็บกากของเสียอุตสาหกรรมและสารเคมีอันตราย ล่าสุดยังคงพบไอระเหยสารเคมี 10 ชนิด ในปริมาณเล็กน้อย แต่บางจุดพบสารบางชนิดในระดับจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ระคายเคืองตาและผิวหนัง พร้อมร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เตรียมแผนรับมือช่วงฤดูฝน ที่อาจจะมีวัตถุอันตรายหลุดออกมานอกพื้นที่
กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม ติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อม จากเหตุเพลิงไหม้โกดังโรงงานของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด จังหวัดระยอง อย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้ (27 เมษายน 2567) บริเวณโกดังที่ 3 ที่เกิดเพลิงลุกไหม้ในชั้นกองกากตะกรันอะลูมิเนียม ยังมีกลุ่มควันปกคลุมโดยรอบโรงงาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณรอบโรงงานในพื้นที่ชุมชน ในช่วง 300 เมตร ถึง 7 กิโลเมตร รวมถึงเพิ่มเติมจุดตรวจวัดที่ได้รับการร้องเรียนไปจนถึง 25 กิโลเมตร ในช่วงบ่ายของวันที่ 26 เมษายน 2567 ยังคงตรวจพบไอระเหยสารเคมีรวม 10 ชนิด ในพื้นที่ตำบลบางบุตร หมู่ที่ 4 และ 8 และตำบลหนองบัว หมู่ที่ 2, 3 และ 11 โดยสารที่พบได้แก่ แอมโมเนีย (Ammonia) ไฮโดรเจนคลอไรด์ (Hydrogen chloride) เบนซีน (Benzene) ไฮโดรเจนไซยาไนด์ (Hydrogen cyanide) เมทิลเมอร์แคปแทน (Methyl Mercaptan) ไนตรัสออกไซด์ (Nitrous oxide) มีเทน (Methane) ไดคลอโรมีเทน (Dichloromethane) ฟีนอล (phenol) และฟอสฟีน (Phosphine) โดยในพื้นที่ตำบลหนองบัว หมู่ที่ 2, 3 และ 11 พบเมทิลเมอร์แคปแทน (Methyl Mercaptan) และหมู่ที่ 11 พบฟอสฟีน (Phosphine) อยู่ในระดับที่จะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ระคายเคืองตาและผิวหนัง ส่วนในช่วงกลางคืน ตั้งแต่เวลา 19.20-21.00 น. ตรวจพบสารบางชนิดปริมาณเล็กน้อยในกลุ่มเดิม ส่วนพื้นที่ตำบลหนองบัว หมู่ที่ 3 และ 11 พบสารเมทิลเมอร์แคปแทน (Methyl Mercaptan) และสารฟอสฟีน (Phosphine) และในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตรวจพบสารฟอสฟีน (Phosphine) ที่อยู่ในระดับที่จะส่งผลระบบทางเดินหายใจ ระคายเคืองตาและผิวหนัง
ช่วงเช้าวานนี้ (27 เมษายน 2567) ได้ขยายจุดตรวจวัดที่ได้รับการร้องเรียนเพิ่มเติม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองบัว ตำบลบางบุตร ตำบลละหาร และตำบลตาสิทธิ์ ตรวจพบไอระเหยสารเคมีปริมาณเล็กน้อยชนิดเดิมที่ตรวจพบวันก่อนหน้า รวม 10 ชนิด โดยในพื้นที่ตำบลหนองบัว หมู่ที่ 2 และ 11 ตำบลละหาร หมู่ที่ 1 และตำบลตาสิทธิ์ หมู่ที่ 4 ตรวจพบเมทิลเมอร์แคปแทน (Methyl Mercaptan) และไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nirogen Dioxide) อยู่ในระดับที่จะส่งผลระบบทางเดินหายใจ ระคายเคืองตาและผิวหนัง
กรมควบคุมมลพิษ ออกคำแนะนำสำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพให้สังเกตอาการตนเอง หากเกิดอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ทันที สำหรับประชาชนกลุ่มเปราะบาง อาทิ ผู้สูงอายุ เด็ก และบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ ควรพักที่ศูนย์อพยพในพื้นที่ อบต.หนองบัว หรือ อบต.บางบุตร เพื่ออยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในศูนย์อพยพ หากประชาชนจุดใดที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติม สามารถแจ้งประสานผ่านทาง อบต.ทั้ง 4 แห่ง เพื่อกรมควบคุมมลพิษและกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะได้ส่งหน่วยเคลื่อนที่เร็วไปตรวจวัดเพิ่มเติม
กรมควบคุมมลพิษ จะร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจวัดคุณภาพอากาศตามชุมชนและรายงานผลให้ทราบ เพื่อเฝ้าระวังสุขภาพประชาชน ตลอดจนเร่งนำกากเคมีอันตรายในพื้นที่ไปกำจัดให้ถูกต้อง นอกจากนี้ยังต้องเตรียมแผนรับมือแก้ปัญหาในช่วงฤดูฝน ที่อาจจะมีวัตถุอันตรายหลุดออกมานอกพื้นที่ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม กำหนดแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาให้ชัดเจน
สำหรับบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ถูกร้องเรียนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2564 จึงเข้าสู่กระบวนการของศาลและมีคำพิพากษาให้บริษัทกำจัดกากของเสียและสารเคมีทั้งหมด โดยว่าจ้างบริษัท เอส.เค. อินเตอร์เคมิคอล จำกัด เข้ามารับกำจัดกาก โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นผู้กำกับดูแล จนเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 สัญญาตามคำสั่งของศาลได้สิ้นสุดลง แต่งานยังไม่แล้วเสร็จ ประกอบกับเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น กรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงเห็นว่า หากไม่รีบดำเนินการจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน จึงได้ขอเข้าพบอัยการจังหวัดระยอง เพื่อหารือแนวทางการดำเนินการตามคำสั่งศาล โดยจะขอให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นผู้บริหารจัดการกับกากของเสียที่เหลือ ตามกรอบวงเงินที่จำเลยวางไว้ต่อศาล
จากการเข้าตรวจสถานการณ์ของนายกรัฐมนตรี วานนี้ (27 เม.ย.) ได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ดูแลควบคุมสถานการณ์ให้เข้าสู่สภาวะปกติ พร้อมจัดทำแผนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบลงทะเบียนที่ศูนย์ดำรงธรรม ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง รวมถึงสามารถลงทะเบียนที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางบุตรและตำบลหนองบัว เพื่อเป็นข้อมูลในการฟื้นฟูเยียวยาตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด บูรณาการตรวจสอบโรงงานเก็บกากอุตสาหกรรมและสารเคมีอันตรายทั่วประเทศ และจัดทำมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในพื้นที่อื่นๆ อีก. 512 – สำนักข่าวไทย