หอประชุม ทร. 9 เม.ย.-กองทัพเรือ สรุปผลการสอบสวนกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ลงทัณฑ์อดีตผู้บังคับการเรือฯ แต่ไม่ต้องชดใช้ความเสียหายทางแพ่ง ด้านอดีตผู้บังคับการเรือฯ น้อมรับผิด พร้อมขอรับผิดชอบลาออกจากกองทัพเรือ
พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานการแถลงข่าวผลการสอบสวนกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง พร้อมด้วย พลเรือเอก ชัยณรงค์ บุณยรัตกลิน ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ ประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงทัพเรือภาคที่ 1 พลเรือตรี อภิรมย์ เงินบำรุง เจ้ากรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ ประธานคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค และคณะกรรมการสอบสวนฯ นาวาโท พิชิตชัย เถื่อนนาดี อดีตผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัย ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ
โดยพลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงทัพเรือภาคที่ 1 สรุปว่า การอับปางไม่ได้เกิดจากความจงใจของผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัยและกำลังพล แต่เกิดจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ทำให้เรือเกิดภาวะผิดปกติ และเกิดน้ำทะเลเข้ามาในตัวเรือตามรูทะลุ ขณะเดียวกัน การตัดสินใจนำเรือฯ กลับฐานทัพเรือสัตหีบ มีส่วนที่เกิดจากการกระทำที่ใช้ดุลยพินิจโดยขาดความรอบคอบ ทำให้เกิดความเสียหาย ทัพเรือภาคที่ 1 จึงได้เสนอกองทัพเรือให้ดำเนินการทางวินัย ผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัย เต็มตามอำนาจการลงทัณฑ์ของผู้บัญชาการทหารเรือ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476 ลงทัณฑ์ ‘กัก’ เป็นเวลา 15 วัน ส่วนความผิดทางอาญา อยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอบางสะพาน ที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ด้านพลเรือเอก ชัยณรงค์ บุณยรัตกลิน ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ ได้สรุปความเห็นของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดว่า การอับปางของเรือหลวงสุโขทัย เกิดจากสภาวะคลื่นลมที่รุนแรงเป็นหลัก มิได้เกิดจากการจงใจของผู้บังคับการเรือฯ และเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่เข้าเงื่อนไขที่ต้องรับผิดทางละเมิด ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมฯ และไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ นาวาโท พิชิตชัย เถื่อนนาดี อดีตผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัย ได้แสดงความเสียใจ พร้อมยืนยันว่า เหตุดังกล่าวไม่มีใครจงใจให้เกิดขึ้น ตนเองและกำลังพลทุกนายได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ พยายามแก้ไขสถานการณ์ตามขั้นตอน แต่วิกฤตที่เกิดขึ้นรุนแรงเกินกว่าที่จะควบคุมได้ พร้อมยอมรับว่า การตัดสินใจของตนเองอาจเป็นการใช้ดุลยพินิจที่ไม่รอบคอบ ส่งผลให้เกิดความสูญเสียขึ้น ดังนั้น จึงขอแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยขอน้อมรับโทษ และหลังจากที่การดำเนินการต่าง ๆ เสร็จสิ้น จะขอรับผิดชอบด้วยการลาออกจากกองทัพเรือ
พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวสรุปว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีเศษ ยืนยันว่า การดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความตรงไปตรงมา ข้อมูลที่ชี้แจงไป ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ และไม่มีการดัดแปลงหรือปรับแก้แต่อย่างใด อุบัติเหตุครั้งนี้ นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของกองทัพเรือ และจะได้ให้กรมจเรกองทัพเรือ นำความผิดพลาดในครั้งนี้ไปศึกษาและเสนอแนวทางแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก.-313.-สำนักข่าวไทย