7 มี.ค. – ตม.ขึ้นบัญชีชายชาวสวิส ห้ามออกนอกราชอาณาจักรไทย หลังรัวหมัดใส่หญิงไทยเบ้าตาแตก เจ้าตัวนอนคุกไม่วายหัวร้อน ภรรยามาประกันตัวกลับปฏิเสธ พร้อมตัดสัมพันธ์แล้ว
กรณีชายชายสวิส วัย 62 ปี รัวหมัดใส่นางสาวนัฎชนันท์ อายุ 53 ปี กว่า 20 หมัดแบบไม่ยั้ง กลางห้างฯ เขตเทศบาลนครตรัง ทำให้นางสาวนัฎชนันท์บาดเจ็บสาหัส หัวแตก เบ้าตาแตก คิ้วแตก และจมูกหัก ขณะนี้ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตรัง ส่วนชายสวิสถูกแจ้ง 2 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และข้อหาขัดขืนเจ้าพนักงาน เนื่องจากผู้ก่อเหตุไม่ยอมเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา และไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือด้วย
ล่าสุดวันนี้ (7 มี.ค) ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.ตรัง ให้ข้อมูลว่า ได้ทำหนังสือขอขึ้นบัญชีวอชลิสต์กับชายสวิสแล้ว เบื้องต้นสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทย แต่เรื่องการเพิกถอนวีซ่าหรือสิทธิในการอยู่ใน จ.ตรัง ยังทำไม่ได้ เพราะผู้ต้องหายังเป็นผู้ถูกกล่าวหาอยู่ ต้องรอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ถึงที่สุดก่อน ซึ่งทางตำรวจภูธร จ.ตรัง ไม่ได้ประสานเข้ามาว่าผู้ต้องหาเข้าข่ายเป็นภัยอันตรายอะไร ตอนนี้ได้ทำตามขั้นตอนกฎหมาย
เมียลั่นผัวเป็นคนดี ไม่เคยทำร้ายแม้แต่ปลายนิ้วก้อย
ด้านภรรยาชายชาวสวิส บอกกับนักข่าวทางโทรศัพท์ยืนยันว่าได้บอกความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับสามีให้ตำรวจไปแล้วว่าตั้งแต่คบกับสามีมาประมาณ 16 ปี สามีไม่เคยทำร้ายตนแม้แต่ปลายนิ้วก้อย แถมยังเลี้ยงลูกจนจบปริญญาตรี หากถามว่ายังติดใจเรื่องไปทำร้ายหญิงไทยหรือไม่ คงต้องตอบว่ามีบ้าง
อุตส่าห์ไปประกันตัว แต่ผัวบอกอย่ามายุ่ง วันนี้ขอจบสัมพันธ์
เมื่อวานหลังจากสามีถูกพาไปฝากขัง ตนเดินทางไปที่ศาล เพื่อยืนยันตัวตนกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นคนสนิทแค่คนเดียวของสามี แต่ปรากฏว่าเรื่องประกันตัวทำอะไรไม่ได้เลย เพราะสามีไม่ขอคุยด้วย แถมขอจบทุกอย่าง ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับตนแล้ว
หลังคุยกับนักข่าว ภรรยายังบอกด้วยว่าแม้บอกว่าจบ แต่ยังเป็นห่วงสามี เพราะเขาเคยถือแค่บัตรเครดิต ไม่ได้ถือเงินสด ส่วนวันนี้ยังไม่ได้เข้าไปติดตามเรื่อง และยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ มาจากเจ้าหน้าที่เช่นกัน
ชาวสวิสเมินศาลให้ประกัน-ร้องขอคุย จนท.สถานทูต
ด้าน พ.ต.อ.สานิตย์ พลเพชร ผกก.สภ.เมืองตรัง ย้ำว่า แม้เมื่อวานคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา แต่ภายหลังศาลไต่สวนคดีแล้วเสร็จในช่วง 4-5 โมงเย็น ศาลอนุญาตให้ผู้ต้องหาประกันตัวได้ โดยตีราคาประกัน 50,000 บาท แต่สุดท้ายยังไม่มีการยื่นขอประกันตัวแต่อย่างใด ส่วนกรณีผู้ต้องหาร้องขอผ่านล่ามว่าอยากให้มีเจ้าหน้าที่สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ร่วมสอบปากคำ ผู้เกี่ยวข้องได้ประสานสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ในกรุงเทพฯ ไปแล้ว คาดว่า 1-2 วันนี้ สถานทูตจะส่งเจ้าหน้าที่มาพบผู้ต้องหาที่ศาล พร้อมกับย้ำว่าเรื่องการยกเลิกวีซ่าพำนักใช้ชีวิตบั้นปลายหลังเกษียณของผู้ต้องหา ขึ้นอยู่กับ ตม. เพราะตามกฎหมายไทย ผู้ต้องหาต้องได้รับโทษหมดเสียก่อน จึงจะพิจารณาว่าจะยกเลิกวีซ่าหรือพาสปอร์ตเข้าไทยหรือไม่ และขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นได้กระทำความผิดร้ายแรงหรือเข้าข่ายเป็นภัยต่อสังคมมากน้อยแค่ไหนด้วย.-สำนักข่าวไทย