กรุงเทพฯ 26 ก.พ. – “ทนายเดชา” พร้อมหลานอากู๋ ตั้งโต๊ะแถลง หลังหนึ่งในคู่กรณีคดีบุกรุกบ้านเสียชีวิต ระบุผู้ตายสำนึกผิด ติดต่อขอชดใช้ค่าเสียหาย และขอโทษ ส่วนคนร้องศาลให้มีคำสั่งครอบครองปรปักษ์ เป็นพี่สาวของผู้ตาย พร้อมเปิดแชทสุดท้ายก่อนเกิดเหตุสลด
นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ และนายซัน หลานอากู๋ เจ้าของบ้านที่ถูกคู่กรณียื่นคำร้องให้ศาลมีคำสั่งครอบครองปรปักษ์ ตั้งโต๊ะแถลงข่าว หลังจากเกิดเหตุหนึ่งในคู่กรณีคดีบุกรุก ก่อเหตุจบชีวิตตัวเอง
โดยนายเดชา เปิดเผยว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอากู๋เองก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน จึงขออโหสิกรรมให้ แต่ที่คาใจคือ การที่ทนายความของคู่กรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า มีการใช้สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือกดดัน จนเป็นเหตุให้ผู้เสียชีวิตตัดสินใจก่อเหตุสลด คงไม่ใช่สาเหตุหลัก เพราะการไปร้องเรียนสื่อมวลชนเพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้ช่วยเหลือนั้นเป็นเรื่องปกติ เป็นการนำเสนอข่าวเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนให้ได้รับความเป็นธรรม ตนเองเห็นว่า ทนายคู่กรณีไม่มีความรับผิดชอบ ไปแนะนำให้ลูกความบุกรุกครั้งที่ 2 หรือไม่ เป็นทนายความต้องมีจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ คุณธรรมต้องนำกฎหมาย โดยผู้ถูกกล่าวหามีความเชื่อมั่นในตัวทนายความคนล่าสุดมาก ว่าจะสามารถนำบ้านมาเป็นของตัวเองได้ ส่วนจะเป็นการหลอกเอาเงินลูกความหรือไม่นั้น ตนเองไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ แต่อยากให้ประชาชนไปคิดเอาเอง
สำหรับความคืบหน้าคดีแรก ที่ผู้เสียหายได้แจ้งความข้อหาบุกรุกกับผู้ถูกกล่าวหา 5 คนนั้น พนักงานอัยการนัดฟังคำสั่งฟ้อง วันที่ 6 มีนาคมนี้ เวลา 09.00 น. เมื่อผู้ต้องหาเสียชีวิตไป 1 ราย ก็ต้องจำหน่ายออกจากคดี ซึ่งแนวทางที่อัยการจะสั่งคดี มีทั้งหมด 3 แนวทาง คือ สั่งฟ้องทั้งหมด สั่งสอบเพิ่มเติม และสั่งไม่ฟ้อง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สามีของผู้ตาย พร้อมกับสามีของผู้ถูกกล่าวหาอีกคน ได้มาพบกับตนเอง และโทรศัพท์มาพูดคุยกับทนายเดชาว่า ภรรยาได้สำนึกผิดในการบุกรุกเข้าไปในบ้านของอากู๋ ซึ่งยินดีแสดงความรับผิดชอบด้วยการชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด และติดต่อไปยังอากู๋ ต้องการจะเข้ากราบอากู๋ ก่อนที่จะเสียชีวิต มีความพยายามหลายครั้ง ซึ่งตนเองพยายามที่จะเป็นคนกลาง ช่วยคุยกับอากู๋ ทั้งค่าเสียหาย และเรื่องคดีต่างๆ แต่อาจเป็นเพราะยังเจรจาไปไม่ถึงไหน จึงอาจทำให้เกิดความเครียด ตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผู้เสียชีวิตก็เสียใจ พยายามที่จะมาเยียวยาค่าเสียหาย ซึ่งคนที่ร้องศาลให้มีคำสั่งครอบครองปรปักษ์ ไม่ใช่ผู้เสียชีวิต แต่เป็นพี่สาวของผู้เสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตก็รู้สำนึกในการกระทำ และพร้อมเยียวยาค่าเสียหายทั้งหมด โดยผู้เสียชีวิตได้ส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ให้ทนายความและแฟนของนายซัน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีข้อความระบุว่า “ยังไงก็คิดซะว่าทำบุญให้คนป่วยแบบพี่ด้วยนะคะ”
ส่วนตัวเพิ่งเคยเห็นคดีแรกที่ทนายความทำคดีแล้วลูกความเครียดจนเสียชีวิต ซึ่งยังไม่คิดถึงเรื่องการยื่นให้สภาทนายความตรวจสอบจริยธรรมของทนายความคู่กรณี ขึ้นอยู่กับนายซัน ว่าจะดำเนินการร้องเรียนหรือไม่ แต่ตอนนี้อากู๋บอกแค่ว่า อยากให้มีการไกล่เกลี่ย ซึ่งอากู๋เองทั้งเสียใจและช็อก
ด้านนายซัน หลานชายของอากู๋ ก็ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายตนเองก็พร้อมที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยในชั้นศาล ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนกรณีที่ทนายความคู่กรณีกล่าวโทษว่าฝ่ายตนเองพยายามใช้สื่อกดดันนั้น ฟังแล้วทำให้รู้สึกไม่ดีเลย ขณะนี้กำลังปรึกษากันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อดี ซึ่งตนเองทราบมาว่า ผู้ถูกกล่าวหาเตรียมยื่นเรื่องขอเจรจา และจะถอนฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์ แต่มีการตรวจสอบแล้วพบว่ายังไม่ได้ถอน ซึ่งผู้ต้องหาพยายามที่จะติดต่อมาพูดตรงๆ ว่า ก่อนหน้านั้นยังโกรธอยู่ เพราะบุกรุกมาซ้ำซ้อน แต่ตอนนี้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว เรื่องนี้จะขอว่ากันอีกที
ส่วนจะขายบ้านหลังนี้ให้กับคู่กรณีหรือไม่ ดำเนินการกับคู่กรณีที่เหลืออย่างไร ต้องขอสอบถามพูดคุยกับอากู๋ก่อน เพราะตอนนี้ยังคงช็อกและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.-414-สำนักข่าวไทย