22 ก.พ. – ถึงไทยแล้ว พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากอินเดีย
พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย ถึงไทยแล้ว ก่อนอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง พรุ่งนี้ (23 ก.พ.) เวลา 16.00 น. และเปิดให้ศาสนิกชนทั่วโลกได้กราบสักการะ เสริมสิริมงคล 24 ก.พ.67 ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานในพิธีรับการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ – 19 มีนาคม 2567 จากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ถึงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พิธีรับการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุฯ จากอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง โดยมีสมเด็จพระธีรญาณมุนี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เจริญชัยมงคลคาถา จากนั้นอัญเชิญมายังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และผู้แทนฝ่ายอินเดีย ร่วมกล่าวถึงพิธีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ และลงนาม Mou ร่วมกัน
นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลไทยและสาธารณรัฐอินเดีย โดยกระทรวงวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ สถาบันโพธิคยา 980 สถานทูตอินเดียประจำประเทศไทย ร่วมกันอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากพิพิธภัณฑสถานเมืองสาญจี มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐอินเดีย รวมทั้งเปิดโอกาสให้ศาสนิกชนได้สักการบูชา นับเป็นมหามงคลอันยิ่งใหญ่และสูงสุดต่อชีวิต
การอัญเชิญมาครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในรอบ 2,567 ปี ที่พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกทั้งสององค์เสด็จมาพร้อมกันในครั้งนี้ โดยจะมีการบรรจุอยู่ในผอบทรงเจดีย์ลวดลายแบบไทยประเพณีสำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่สร้างขึ้นเป็นการเฉพาะ โดยช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร และยังได้จัดสร้างมณฑปสถาปัตยกรรมไทยประเพณี ประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ออกแบบโดยสำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร และวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 17.00 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ได้รับพระเมตตาอย่างสูงยิ่งที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมตตาเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธี และมีพิธีอัญเชิญประดิษฐาน โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นผู้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระโมคคัลลานะ พร้อมด้วยผู้แทนฝ่ายอินเดีย ได้จัดริ้วขบวนอัญเชิญอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา หลังจากนั้นเปิดให้ประชาชนเข้าสักการบูชา ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2567 เวลา 09.00-20.00 น. ในส่วนภูมิภาค อัญเชิญไปประดิษฐานในส่วนภูมิภาคใน 3 จังหวัด ให้ประชาชนได้เข้าสักการบูชา เวลา 09.00-20.00 น. ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 5-8 มีนาคม 2567 ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 10-13 มีนาคม 2567 ณ วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี และภาคใต้ ระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 2567 ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ โดยในทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จะจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคลให้กับศาสนิกชนที่เข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ โดยแต่ละพื้นที่จะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ตามอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม มุ่งหวังให้พุทธศาสนิกชน ประชาชนโดยทั่วไป ทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ รวมถึงศาสนิกชนที่พำนักอยู่ในต่างประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ได้มีโอกาสมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ครั้งหนึ่งในชีวิต ด้วยการนำหลักธรรม ความเชื่อของศาสนา เป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือด้านศาสนา และส่งเสริมคุณธรรมของประชาคมโลก เพื่อสร้างความสงบสุขแก่มวลมนุษยชาติ เพื่อความเป็นสิริมงคล รวมทั้งได้ร่วมสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่อย่างมั่นคง ยั่งยืนสืบไป
นายราเชนทร์ วิศวนาถ อัรเลกัร ผู้ว่าการรัฐพิหาร สาธารณรัฐอินเดีย ผู้แทนฝ่ายอินเดีย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลไทยมีคำขอต่อรัฐบาลอินเดีย ในการขออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าและพระอัครสาวกสองพระองค์ คือ พระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะ ระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ – 19 มีนาคม 2567 โดยพระธาตุศักดิ์สิทธิ์จะเสด็จมายังประเทศไทย เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสอันน่ายินดีที่สุดนี้ ในนามของประชาชน รัฐบาลอินเดีย ขอแสดงความนับถือและความปรารถนาดีอย่างหาที่สุดมิได้ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงพระชนม์ชีพที่ยืนยาว ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ และทรงพระเกษมสำราญ ซึ่งการมาเยือนขององค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ ไม่บ่อยนักที่จะนำออกนอกประเทศ รัฐบาลอินเดียนำโดยนายกรัฐมนตรีนเรนทระ โมที ได้ตกลงที่จะส่งพระบรมสารีริกธาตุมายังประเทศไทย โดยคำนึงถึงความสำคัญสูงสุดในการเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อความสัมพันธ์อันใกล้ชิดดั่งญาติมิตรระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในประเทศได้กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในการมีส่วนร่วมในทางธุรกิจ การเมือง การศึกษา และวัฒนธรรม Soft power ของประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าจะเป็นจุดหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์ในความสัมพันธ์ทวิภาคีอินเดีย-ไทย.-612-สำนักข่าวไทย