รัฐสภา 22 ก.พ.-รมว.ยุติธรรม แจง “ทักษิณ” ป่วยร้ายแรง คณะแพทย์ประเมินแล้ว เข้าข่ายพักโทษพิเศษ ด้าน “ณัฐชา’ เหน็บนักโทษเด็ดขาด 70 ปีทุกคน กรอกแบบประเมินตนเองส่งให้อธิบดีได้เลย ขณะ สส.เพื่อไทย รุมประท้วง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 20 สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่สอง ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณากระทู้ถามสด นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ตั้งคำถามในประเด็นระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ตอบ
นายณัฐชา กล่าวว่า กฎระเบียบของการพักโทษตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 รวมถึงกฎกระทรวง และประกาศกรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2564 ที่ระบุว่า ผู้ได้รับการลงโทษต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดที่มีความประพฤติดี หรือมีปัญหาด้านสุขภาพ ถึงได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ จึงตั้งข้อสงสัยว่า กรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ เป็นเวลา 180 วัน โดยไม่ใช่การคุมขังนอกเรือนจำ มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์การพักโทษอย่างไร
นายณัฐชา ตั้งคำถามถึงขั้นตอนการพักโทษว่า อธิบดีคัดนักโทษจากกว่า 200,000 คน ให้เหลือ 8 คน ได้อย่างไร มีคนเสนอชื่อ หรือเลือกตามอำเภอใจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมต้องเป็นผู้อนุมัติ จำเป็นต้องเห็นเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร จึงขอให้นำลายเซ็นของรัฐมนตรีมาเปิดให้ดู อีกทั้งเงื่อนไขของการพักโทษ คือ ต้องมีอาการป่วย 7 โรค ที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตหากอยู่ในเรือนจำต่อ หรือมีอายุเกิน 70 ปี และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่กรณีของบุคคลภายนอก รัฐมนตรีแต่ละคนตอบไปคนละทาง จึงขอให้ชี้แจงในสภาฯ ให้ชัดเจน ไม่ให้สังคมเข้าใจผิด
“ผมจะไม่ถามถึงรายละเอียดของโรค แต่ต้องการรู้ว่า ใครคือ ‘หมอเทวดา’ ที่เซ็นรับรอง นักโทษชายที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง ให้หายได้ใน 180 วัน วันต่อมากลับมาอยู่บ้านได้ แล้ววันถัดมาก็รับแขกบ้านแขกเมืองได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรู้อยู่แก่ใจ จึงขอให้ตอบในสภาฯ” นายณัฐชา กล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นายณัฐชา ถามคำถามแรกจบ นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงทันที พร้อมระบุว่า ผู้ถามกระทู้ได้มีการเอ่ยชื่อบุคคลภายนอก และกล่าวถึงเรื่องส่วนตัว ซึ่งขัดต่อข้อบังคับ แต่ประธานในที่ประชุมวินิจฉัยว่า นายณัฐชา ตั้งคำถามเกี่ยวกับการใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ก็ขอให้อยู่ในประเด็น ไม่พูดเรื่องส่วนตัว
ต่อมา ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงว่า ผู้ถามกระทู้แสดงความเห็นและใช้วาทกรรมบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิด แต่ประธานการประชุมวินิจฉัยว่า ยังอยู่ในประเด็น
กระทั่ง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นกล่าวว่า คำวินิจฉัยของประธานถือเป็นเด็ดขาด แต่หากผู้ประท้วงยังประท้วงต่อ ก็ขอให้ประธานใช้อำนาจเชิญออกจากห้องประชุม ซึ่งประธานได้ตัดบท และขอให้ตั้งคำถามต่อ
ด้าน พ.ต.อ.ทวี ตอบกระทู้ว่า การพักโทษในกรณีพิเศษ จะต้องใช้ความเห็นของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แต่ยังอยู่ภายใต้กฎหมายและกฎกระทรวง แล้วจึงส่งรายชื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพิจารณา ส่วนกรณีที่มีการเจ็บป่วย พิการ หรือมีอายุเกิน 70 ปี ก็เป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เสนอชื่อเข้ามาให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งในการพักโทษกรณีพิเศษครั้งนี้ มีทั้งหมด 945 คน
พ.ต.อ.ทวี ได้ชี้แจงถึงเงื่อนไขด้านสุขภาพของนายทักษิณว่า ต้องผ่านการประเมินโดยแพทย์ให้ได้คะแนนไม่เกิน 11 คะแนน ซึ่งกรณีของนายทักษิณ ได้คะแนนต่ำกว่า 11 คะแนน อีกทั้งกฎหมายยังกำหนดว่า ข้อมูลด้านสุขภาพของแต่ละบุคคลจะเปิดเผยให้เสียหายไม่ได้ และไม่ว่ากรณีใด บุคคลจะอาศัยอำนาจของกฎหมายอื่นมาเปิดข้อมูลสุขภาพไม่ได้ ซึ่งคำถามที่ถามมา ตนก็ดูทุกอย่าง ก็เห็นว่าชอบด้วยเหตุผล
พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงต่อไปว่า ในการประเมินเงื่อนไขของการพักโทษ จะต้องมีความเห็นของผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลอย่างน้อย 2 คน และความเห็นของแพทย์ในโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฏหมาย และมีใบไม่ยินยอมเปิดเผยอาการป่วยจากผู้ป่วยส่งมาถึงตน ซึ่งคณะแพทย์ที่ให้ความเห็นก็มีความกลาง หลังจากจบการตอบกระทู้ถาม นายณัฐชา ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้รัฐมนตรีได้ตอบหลักเกณฑ์ชัดเจนแล้วในสภาฯ ดังนั้น ต่อไปนี้นักโทษเด็ดขาดอายุ 70 ปีขึ้นไป สามารถไปขอแบบฟอร์มจากกรมอนามัย และประเมินตนเองส่งให้รัฐมนตรีได้เลย เพราะจะมีนักโทษมากมายที่เข้าหลักเกณฑ์ หากไม่สามารถดำเนินการได้ ก็เอาเทปการประชุมนี้ไปเปิดให้อธิบดีฟังว่า เป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม.-312.-สำนักข่าวไทย