ทำเนียบรัฐบาล 22 ก.พ.-นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์ จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว รักษาพยาบาล การบิน การเงินของเอเชีย เล็งยกระดับรายได้เกษตรกรใน 4 ปี ชี้ ดิจิทัล วอลเล็ตช่วยเหลือประชาชนแบบพุ่งเป้า
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า ความขัดแย้ง ปัญหาการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บดบังศักยภาพ แสงสว่างของประเทศไทย ตั้งแต่ 6 เดือน รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ความสงบ ความสมัครสมานสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจกันของทุกคน เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการที่จะให้ชาวโลกรู้ว่าแสงสว่างของประเทศไทยเกิดขึ้นแล้ว ทำให้ไทยก้าวเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยมากเป็นอันดับ 8 ของโลก นำรายได้เข้าสู่ประเทศ 2.3 ล้านล้านบาท และจะโตขึ้นอีกในช่วง 4 ปีข้างหน้าอย่างมโหฬาร
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการการท่องเที่ยวทุกจังหวัด ไม่ว่าจะเมืองหลัก เมืองรองต้องเป็นเมืองท่องเที่ยว ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสร้างจุดแข็งซอฟต์พาวเวอร์ ชวนเชิญนักท่องเที่ยวเข้าประเทศด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งปี เช่น มวยไทย งานศิลปะ คอนเสิร์ต ยกระดับการเดินทางในภูมิภาคในกลุ่ม CLMV ด้วยการเปิดวีซ่าเพิ่ม ขณะเดียวกันแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว ทั้งขยายเวลาบริการสถานบริการ การอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น เพื่อให้ประเทศไทยเป็นโฮมสเตย์ของคนทั่วโลก มีร้านอาหารที่พักของดีของเด่นประจำเมือง และจะมีลูกค้าเข้ามาเที่ยวมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง นำเงินมาส่งถึงมือทุกคน ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว
“จะจุดพลังประเทศไทยเป็นที่1 ศูนย์กลางการรักษาพยาบาล การดูแลสุขภาพ หรือ Medical Hub ซึ่งเป็นจุดของประเทศไทย ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยในปี 2566 การท่องเที่ยวเพื่อการแพทย์และสุขภาพ สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยกว่า 4 หมื่นล้านบาท จึงมีเหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยเป็นเลิศทางการแพทย์สำหรับคนทั่วโลก สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้ หากทุกคนช่วยกันโปรโมทการท่องเที่ยวทางการแพทย์ ประสานโรงพยาบาลไทยรับประกันของต่างชาติได้ นอกจากการแพทย์แล้ว ประเทศไทยยังมีชื่อเสียงด้านการดูแลสุขภาพ ดังนั้น จะผลักดันสปาไทย การแพทย์แผนไทย นวดไทย สมุนไพรไทยให้เป็นสินค้าส่งออกไปทั่วโลก ขณะเดียวกันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการ พัฒนาระบบรักษาพยาบาลที่ดี ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ อีกทั้งรัฐบาลจะพัฒนาระบบการใช้ AI เชื่อมฐานข้อมูล เพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ ดูแลความเป็นอยู่ของแพทย์ พยาบาล ซึ่งมาตรการทั้งหมดจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้จะยกระดับเกษตรกรรมในประเทศไทย วางแผนการปลูก เพื่อให้ได้สินค้าเกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยนำความแม่นยำทางการเกษตรมาใช้ เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดโลก นอกจากนี้ จะยกระดับเป็นเมืองอาหารเป็นครัวของโลก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมฮาลาล และเพิ่มการท่องเที่ยวในร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลิน โดยจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาหารของภูมิภาค จะเป็นหนึ่งในปัจจัยปัจจัย4 เป็นครัวของโลก และเกษตรกรไทยจะมีรายได้ขึ้น 3 เท่าใน4 ปีของรัฐบาลนี้
นายกรัฐมนตรี ชี้ถึงจุดแข็งทางภูมิศาสตร์ของประเทศ ว่าประเทศไทยจะเป็นที่ 1 ศูนย์กลางการบิน ศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง การขนส่งสินค้าไปยังทั่วโลก จึงต้องลงทุนขยายศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นการขยายรันเวย์ การขยายอาคารผู้โดยสารให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง แต่จะเป็นฮับ(HUB) การบินอย่างเดียวไม่เพียงพอ จำเป็นต้องยกระดับระบบคมนาคม ทั้งถนนสายหลัก สายรอง ขยายทางหลวงมอเตอร์เวย์ พัฒนาระบบรถไฟรางคู่ รถไฟกรุงเทพและภูมิภาค จะมีระยะทางเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า ครอบคลุมเส้นทางเกือบ 700 กิโลเมตร เดินหน้ารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และเชื่อมไปยังชายแดนหนองคาย เพื่อขนส่งทั้งคนและสินค้า และยังต้องเชื่อมต่อไปยังท่าเรือน้ำลึกที่แหลมฉบังที่กำลังขยายตัว ที่สำคัญ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการแลนด์บริดจ์เป็นโครงการสำคัญเชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน จะช่วยลดระยะเวลาการขนส่งสินค้า และความแออัดที่ช่องแคบมะละกา แต่ยังต้องพูดคุยเป็นวงกว้าง พร้อมรับฟังความคิดเห็น ดังนั้น การพัฒนาด้านระบบคมนาคมขนส่งจึงเป็นขุมทรัพย์นำเงินเข้ากระเป๋าของคนไทยทุกคน
“รัฐบาลยังต้องการผลักดัน ให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางยานยนต์แห่งอนาคต ในวันที่อุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่รถ EV ซึ่งถือว่าประเทศไทย ตอบรับเรื่องการใช้รถ EV เป็นอย่างดี รัฐบาลจึงมีเป้าหมายลงทุนแผนการลงทุน 1 ล้านล้านบาทในระยะเวลา 4 ปี ทั้งนี้ ไทยเป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลต้องการจะพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทค ทั้งพัฒนาคนและดึงดูดนักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาในประเทศไทย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล รองรับคนไทยที่จะเป็นเศรษฐีเทคโนโลยี
“ที่สำคัญยังจะสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการเงิน โดยจะดึงดูดสถาบันการเงิน กองทุน ธนาคารระดับโลก ให้มาตั้งสำนักงานในประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดและจะมี Wall Street ของอาเซียน ดังนั้น จะต้องเตรียมความพร้อมทางด้านกฎหมาย ขณะเดียวกัน ต้องให้ความสำคัญ เรื่องคาร์บอนเครดิต ซึ่งถือเป็นเทรนด์ของสิ่งแวดล้อม มลพิษ และปัญหาโลกร้อน ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ และในวันนี้ภูมิภาคนี้ ยังไม่มีผู้นำผู้นำตลาดด้านการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องดึงดูดสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ในการสร้างตลาดสินทรัพย์รูปแบบใหม่ จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคได้อย่างแน่นอน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางต่าง ๆ ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน โดยมีเป้าหมายสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจ พร้อมกับการพัฒนาทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้านการศึกษา การปรับปรุงการทำงานภาครัฐ พร้อมย้ำว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จะต้องเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของรัฐ ที่ทำให้ รัฐสามารถช่วยเหลือประชาชนแบบพุ่งเป้าได้ในอนาคต รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ให้มีการเลือกเพศสภาพ เลือกประกอบอาชีพได้ เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ขณะเดียวกันวัฒนธรรมไทยจะต้องเปิดกว้างและต่อยอด บ้านเมืองจะต้องสะอาด ยาเสพติดจะต้องหมดไป พัฒนาเปิดการเรียนสองภาษา ทั้งหมดนี้ประเทศไทย จะยังคงมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ที่มีพลังงานในราคาที่เหมาะสม มีพลังงานสะอาด
“สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด นายกรัฐมนตรีจะทำคนเดียวไม่ได้ ทีมงานจะต้องมาขับเคลื่อน เพื่อให้มีความแข็งแกร่ง พร้อมจะเดินไปด้วยกัน ส่งต่ออนาคตที่ดีดีกว่าให้กับลูกหลานของพวกเราทุกคน” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย