นายกฯ พร้อมขับเคลื่อนให้ประเทศเป็นศูนย์กลางทุกมิติ

ทำเนียบรัฐบาล 22 ก.พ.-นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์ จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว รักษาพยาบาล การบิน การเงินของเอเชีย เล็งยกระดับรายได้เกษตรกรใน 4 ปี ชี้ ดิจิทัล วอลเล็ตช่วยเหลือประชาชนแบบพุ่งเป้า


 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า ความขัดแย้ง ปัญหาการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บดบังศักยภาพ แสงสว่างของประเทศไทย ตั้งแต่ 6 เดือน รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ความสงบ ความสมัครสมานสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจกันของทุกคน เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการที่จะให้ชาวโลกรู้ว่าแสงสว่างของประเทศไทยเกิดขึ้นแล้ว ทำให้ไทยก้าวเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยมากเป็นอันดับ 8 ของโลก นำรายได้เข้าสู่ประเทศ 2.3 ล้านล้านบาท และจะโตขึ้นอีกในช่วง 4 ปีข้างหน้าอย่างมโหฬาร

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการการท่องเที่ยวทุกจังหวัด ไม่ว่าจะเมืองหลัก เมืองรองต้องเป็นเมืองท่องเที่ยว ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสร้างจุดแข็งซอฟต์พาวเวอร์ ชวนเชิญนักท่องเที่ยวเข้าประเทศด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งปี เช่น มวยไทย งานศิลปะ คอนเสิร์ต  ยกระดับการเดินทางในภูมิภาคในกลุ่ม CLMV ด้วยการเปิดวีซ่าเพิ่ม ขณะเดียวกันแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว ทั้งขยายเวลาบริการสถานบริการ การอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น เพื่อให้ประเทศไทยเป็นโฮมสเตย์ของคนทั่วโลก มีร้านอาหารที่พักของดีของเด่นประจำเมือง และจะมีลูกค้าเข้ามาเที่ยวมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง นำเงินมาส่งถึงมือทุกคน ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว


“จะจุดพลังประเทศไทยเป็นที่1 ศูนย์กลางการรักษาพยาบาล การดูแลสุขภาพ หรือ Medical Hub ซึ่งเป็นจุดของประเทศไทย ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยในปี 2566 การท่องเที่ยวเพื่อการแพทย์และสุขภาพ สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยกว่า 4 หมื่นล้านบาท จึงมีเหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยเป็นเลิศทางการแพทย์สำหรับคนทั่วโลก สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้ หากทุกคนช่วยกันโปรโมทการท่องเที่ยวทางการแพทย์ ประสานโรงพยาบาลไทยรับประกันของต่างชาติได้ นอกจากการแพทย์แล้ว ประเทศไทยยังมีชื่อเสียงด้านการดูแลสุขภาพ ดังนั้น จะผลักดันสปาไทย การแพทย์แผนไทย นวดไทย สมุนไพรไทยให้เป็นสินค้าส่งออกไปทั่วโลก ขณะเดียวกันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการ พัฒนาระบบรักษาพยาบาลที่ดี ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ อีกทั้งรัฐบาลจะพัฒนาระบบการใช้ AI เชื่อมฐานข้อมูล เพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ ดูแลความเป็นอยู่ของแพทย์ พยาบาล ซึ่งมาตรการทั้งหมดจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้จะยกระดับเกษตรกรรมในประเทศไทย วางแผนการปลูก เพื่อให้ได้สินค้าเกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยนำความแม่นยำทางการเกษตรมาใช้ เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดโลก นอกจากนี้ จะยกระดับเป็นเมืองอาหารเป็นครัวของโลก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมฮาลาล และเพิ่มการท่องเที่ยวในร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลิน โดยจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาหารของภูมิภาค จะเป็นหนึ่งในปัจจัยปัจจัย4 เป็นครัวของโลก และเกษตรกรไทยจะมีรายได้ขึ้น 3 เท่าใน4 ปีของรัฐบาลนี้

นายกรัฐมนตรี ชี้ถึงจุดแข็งทางภูมิศาสตร์ของประเทศ ว่าประเทศไทยจะเป็นที่ 1 ศูนย์กลางการบิน ศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง การขนส่งสินค้าไปยังทั่วโลก จึงต้องลงทุนขยายศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นการขยายรันเวย์ การขยายอาคารผู้โดยสารให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง แต่จะเป็นฮับ(HUB) การบินอย่างเดียวไม่เพียงพอ จำเป็นต้องยกระดับระบบคมนาคม ทั้งถนนสายหลัก สายรอง ขยายทางหลวงมอเตอร์เวย์ พัฒนาระบบรถไฟรางคู่ รถไฟกรุงเทพและภูมิภาค จะมีระยะทางเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า ครอบคลุมเส้นทางเกือบ 700 กิโลเมตร เดินหน้ารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และเชื่อมไปยังชายแดนหนองคาย เพื่อขนส่งทั้งคนและสินค้า และยังต้องเชื่อมต่อไปยังท่าเรือน้ำลึกที่แหลมฉบังที่กำลังขยายตัว ที่สำคัญ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการแลนด์บริดจ์เป็นโครงการสำคัญเชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน จะช่วยลดระยะเวลาการขนส่งสินค้า และความแออัดที่ช่องแคบมะละกา แต่ยังต้องพูดคุยเป็นวงกว้าง พร้อมรับฟังความคิดเห็น ดังนั้น การพัฒนาด้านระบบคมนาคมขนส่งจึงเป็นขุมทรัพย์นำเงินเข้ากระเป๋าของคนไทยทุกคน


“รัฐบาลยังต้องการผลักดัน ให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางยานยนต์แห่งอนาคต ในวันที่อุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่รถ EV ซึ่งถือว่าประเทศไทย ตอบรับเรื่องการใช้รถ EV เป็นอย่างดี รัฐบาลจึงมีเป้าหมายลงทุนแผนการลงทุน 1 ล้านล้านบาทในระยะเวลา 4 ปี ทั้งนี้ ไทยเป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลต้องการจะพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทค ทั้งพัฒนาคนและดึงดูดนักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาในประเทศไทย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล รองรับคนไทยที่จะเป็นเศรษฐีเทคโนโลยี

“ที่สำคัญยังจะสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการเงิน โดยจะดึงดูดสถาบันการเงิน กองทุน ธนาคารระดับโลก ให้มาตั้งสำนักงานในประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดและจะมี Wall Street ของอาเซียน ดังนั้น จะต้องเตรียมความพร้อมทางด้านกฎหมาย ขณะเดียวกัน ต้องให้ความสำคัญ เรื่องคาร์บอนเครดิต ซึ่งถือเป็นเทรนด์ของสิ่งแวดล้อม มลพิษ และปัญหาโลกร้อน ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ และในวันนี้ภูมิภาคนี้ ยังไม่มีผู้นำผู้นำตลาดด้านการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องดึงดูดสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ในการสร้างตลาดสินทรัพย์รูปแบบใหม่ จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคได้อย่างแน่นอน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางต่าง ๆ ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน โดยมีเป้าหมายสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจ พร้อมกับการพัฒนาทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้านการศึกษา การปรับปรุงการทำงานภาครัฐ พร้อมย้ำว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จะต้องเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของรัฐ ที่ทำให้ รัฐสามารถช่วยเหลือประชาชนแบบพุ่งเป้าได้ในอนาคต รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ให้มีการเลือกเพศสภาพ เลือกประกอบอาชีพได้ เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ขณะเดียวกันวัฒนธรรมไทยจะต้องเปิดกว้างและต่อยอด บ้านเมืองจะต้องสะอาด ยาเสพติดจะต้องหมดไป พัฒนาเปิดการเรียนสองภาษา ทั้งหมดนี้ประเทศไทย จะยังคงมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ที่มีพลังงานในราคาที่เหมาะสม มีพลังงานสะอาด

“สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด นายกรัฐมนตรีจะทำคนเดียวไม่ได้ ทีมงานจะต้องมาขับเคลื่อน เพื่อให้มีความแข็งแกร่ง พร้อมจะเดินไปด้วยกัน ส่งต่ออนาคตที่ดีดีกว่าให้กับลูกหลานของพวกเราทุกคน” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]