กรุงเทพฯ 19 ก.พ. – “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” รอง ผบ.ตร. ยืนยันไม่เกี่ยวข้องเว็บพนัน “มินนี่” ส่วนที่ตกเป็นเป้าเชื่อว่าต้องการดิสเครดิต ยืนยันขณะนี้ยังไม่มีหมายเรียกจาก สอท.ให้ไปให้การในฐานะพยาน ย้ำถ้าจะเดินทางไปต้องเป็นคำสั่งของอัยการเท่านั้น
จากกรณีที่ บช.สอท.ได้ออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ไปสอบปากคำในฐานะพยาน ในวันพรุ่งนี้ (18 ก.พ.) ปมโยงเว็บพนันของ “มินนี่” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า เรื่องนี้มีการปูพื้นมาจากเว็บพนันของเครือข่ายมินนี่ และมีการโยงเส้นทางการเงินมายังลูกน้องของตนทั้ง 8 คน และสำนวนคดีมีการสั่งฟ้องไปยังอัยการแล้ว ซึ่งสั่งฟ้องอัยการแล้ว ตำรวจจะหมดอำนาจทันทีในการสอบสวน ถ้ามีการสอบสวนจะต้องมีคำสั่งจากอัยการเท่านั้น
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องเว็บพนันเครือข่ายมินนี่ เนื่องจากตนไม่ได้ให้คุณให้โทษกับเว็บพนัน และตนไม่ได้คุมไซเบอร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นรอง ผบ.ตร.ที่ดูความมั่นคงก็ตาม ส่วนกรณีพบเส้นทางการเงินของตนโอนไปยังลูกน้อง ยืนยันว่าเป็นเงินที่ตนให้ไปทำงาน ไม่ใช่เงินที่มาจากเว็บพนัน ส่วนที่ตนต้องตกเป็นเป้าหมาย เชื่อว่าสังคมรู้ดีว่าเป็นการดิสเครดิตตน ส่วนจะเป็นเรื่องไหนนั้น ตนไม่ขอพูด และเชื่อว่าจะมีการแต่งบทละครใส่ร้ายตนให้เสียชื่อเสียง จนกว่าคดีนี้จะยุติ
ส่วนหมายเรียกของ สอท. ที่ระบุว่าให้ตนไปให้การในฐานะพยาน จนถึงขณะนี้ตนยังไม่ได้รับการประสานแต่อย่างใด ส่วนจะเดินทางไปหรือไม่นั้น ต้องดูว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจอะไร และต้องเป็นคำสั่งของอัยการเท่านั้น ตนถึงจะเดินทางไป เพราะสำนวนคดีนี้อยู่กับอัยการ และส่วนหนึ่งอยู่ที่ ป.ป.ช.
สำหรับคดีนี้ ตนรู้สึกสงสารลูกน้อง และพนักงานสอบสวนบางคนที่ถูกเรียกมาเซ็นชื่อ แต่ไม่ได้ทำสำนวน ขอเตือนว่า พอถึงเวลาปัญหาเกิดขึ้นจะต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีนายอยู่เคียงข้าง เพราะตนเจอมาหมดแล้ว พร้อมเตือนสื่อมวลชนที่แชร์ข่าวให้ตนได้รับความเสียหายว่า ให้พึงระวังหากข่าวดังกล่าวไม่จริง ตนจะใช้กฎหมายดำเนินการ ส่วนกรณีอัยการถูก 1 ใน 8 ลูกน้องของตนไปคุกคาม สะกดรอยตามนั้น จากการสอบถามลูกน้องยืนยันว่า ไม่ได้กระทำการลักษณะดังกล่าว และหลังจากเป็นกระแสก็ได้ยื่นเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าไปคุกคาม ได้มีการมาปรึกษาก่อนยื่นจดหมายถึงนายกฯ หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ตนเพิ่งรู้หลังจากที่ยื่นหนังสือไปแล้ว เพราะถ้าทราบก่อนจะไม่ให้ยื่นเด็ดขาด เพราะมองว่าไม่จำเป็น
ส่วนกรณี ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ ถูกหนึ่งในชุดพนักงานสอบสวนของ สอท. โทรศัพท์เข้ามาเพื่อให้กลับคำให้การ ทำให้ตนและพวกเข้าไปเกี่ยวข้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า มีการติดต่อมาจริง เป็นพนักงานสอบสวนยศ “นายพัน” ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (20 ก.พ.) ลูกน้องของตนจะยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการตรวจสอบว่า พนักงานสอบสวนคนดังกล่าวเข้าข่ายผิด ม.157 หรือไม่.-414-สำนักข่าวไทย