แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มจีนเปิดประตูเครื่องบิน จ่อฝากขัง

เชียงใหม่ 8 ก.พ. – แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มจีนเปิดประตูเครื่องบินขณะกำลัง Take Off เตรียมคุมตัวฝากขังพรุ่งนี้ (9 ก.พ.) อ้างป่วยจิต เคยรักษากับนักบำบัดที่แคนาดามาก่อน


เมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) สนามบินเชียงใหม่ เกิดเรื่องวุ่น เพราะเครื่องการบินไทยที่จะบินกลับสุวรรณภูมิ มีหนุ่มจีนกระโดดมาเปิดประตูเครื่อง ทำให้เบาะสไลด์กาง เครื่องค้างกลางรันเวย์ ส่วนสาเหตุที่ทำแบบนี้ไม่รู้จะเรียกเพี้ยนได้หรือไม่ เพราะเขาบอกมีขบวนการใต้ดินจะลอบยิงขีปนาวุธให้เครื่องตก


เมื่อเวลา 21.57 น. วานนี้ (7 ก.พ.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Watcharapon Pethsurp ได้เช็กอินที่สนามบินเชียงใหม่ และโพสต์ภาพถ่ายภายในเครื่องบิน พร้อมเขียนข้อความ “เครื่องกำลังจะ Take Off แต่มีคน Panic พยายามจะเปิดประตูเครื่องบิน แล้วฉันจะถึงกรุงเทพกี่โมง” ก่อนที่เจ้าของโพสต์จะอัปเดตว่า ตำรวจได้มารวบผู้โดยสารต่างชาติรายดังกล่าวไปแล้ว

ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ananya Tiangtae โพสต์ทั้งภาพและคลิป พร้อมข้อความ “ระทึกกลางดึก ผู้โดยสารชาวจีนพุ่งตัวเปิดประตูเครื่องบิน ขณะเครื่องกำลังทะยานขึ้นฟ้า เรือยางเด้งออกจากประตู แอร์โฮสเตสลุกจากที่นั่งมาจับตัวผู้โดยสาร ยื้อกันไปมา ก่อนลมมหึมาพัดเข้ามาในเครื่องบิน นักบินจอดเครื่องบินกะทันหัน ผู้โดยสารฝรั่งอีกคนหายตกใจ ลุกมาช่วยจับตัวไว้ อลหม่านไปทั้งลำ กว่าช่างจะมายกเรือยางออกก็ 5 ทุ่มกว่า เดิมต้อง Take off 21.05 น. ทุกคนต้องกลับมาอาคารสนามบิน เจ้าหน้าที่พาชายจีนคลุ้มคลั่งออกจากเครื่องบิน ผู้โดยสารหลายสิบคนตกเครื่องที่บินต่อไปต่างประเทศ เครื่องบินจากต่างประเทศและในประเทศที่มาลงเชียงใหม่ ต้องไปจอดที่เวียดนามหรือลาวแทน บางส่วนเปลี่ยนลำใหม่บินกลับกรุงเทพฯ เกือบตี 1 บางส่วนรอกลับรุ่งขึ้น ส่วนเราตกค้างนอนเชียงใหม่อีกคืน กระเป๋าเดินทางติดแหง็กใต้ท้องเครื่อง กว่าจะได้คืนตี 1 กว่า เดินทางมาครบ 100 ประเทศ เพิ่งเจอเหตุการณ์ผู้โดยสารเปิดประตูเครื่องบินเพื่อเหินลงไป ถ้าเขาคลุ้มคลั่งเปิดประตูขณะเครื่องบินอยู่ที่ 30,000 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล อะไรจะเกิดขึ้น?

เช่นเดียวกับ เพจ HFlight.net ได้รายงานเรื่องราวดังกล่าว โดยระบุว่า เชียงใหม่เครื่องลงไม่ได้ตอนนี้ ภาพจาก Flightradar24 แสดงเที่ยวบินที่กำลังจะลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่ แต่ต้องบินวนรอ ก่อนที่เวลา 22.54 น. มีรายงานว่า เที่ยวบินสามารถใช้งานทางวิ่งท่าอากาศยานเชียงใหม่ในการขึ้นลงได้ปกติแล้ว


สนามบินเชียงใหม่ไล่ไทม์ไลน์หนุ่มจีนพุ่งเปิดประตูเครื่อง
วันนี้ (8 ก.พ.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้ออกมาชี้แจงแล้ว โดยนาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผอ.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ไล่ไทม์ไลน์ให้ฟังว่า เมื่อเวลา 22.05 น. ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้รับแจ้งจากหอบังคับการบินเชียงใหม่ว่า เที่ยวบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG121 เส้นทางเชียงใหม่-สุวรรณภูมิ ทำการบินด้วยเครื่องแอร์บัส เอ 320 ขณะเครื่องอยู่ระหว่างเตรียมวิ่งขึ้น มีผู้โดยสารเปิดประตูเครื่องบิน ทำให้เบาะสไลด์กาง ส่งผลให้อากาศยานไม่สามารถทำการบินได้ และจอดค้างอยู่กลางรันเวย์ ส่งผลให้เที่ยวบินอื่นๆ ทำการขึ้น-ลงไม่ได้ชั่วขณะ

หลังรับแจ้งเหตุ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้ประสานช่างอากาศยานของสายการบินไทย เข้าดำเนินการตัดเบาะสไลด์ออก ก่อนนำอากาศยานกลับเข้าหลุมจอด และสามารถเปิดใช้งานทางวิ่งได้ตามปกติในเวลา 22.50 น. และสามารถออกเดินทางได้ในเวลา 00.43 น.

ผอ.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ยังยอมรับด้วยว่า มีเที่ยวบินได้รับผลกระทบทั้งหมด 13 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินวนรอขาเข้า จำนวน 8 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาออก 3 เที่ยวบิน และเที่ยวบิน Divert 2 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 2,296 คน

ส่วนเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย คณะกรรมการรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้หยิบยกกรณีนี้ขึ้นมาหารือในการประชุมร่วมกับผู้แทนจากสายการบิน ส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อทบทวนขั้นตอนการปฏิบัติ และหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก

แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มจีนเปิดประตูเครื่องบินขณะกำลัง Take Off
ด้าน พ.ต.อ.มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับการ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ให้ข้อมูลว่า ได้แจ้ง 2 ข้อหา กับผู้โดยสารชายรายนี้ ที่มีดีกรีเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ คือ นายหว่อง ชาย เฮือง อายุ 40 ปี คนจีนสัญชาติแคนาดา โดย 2 ข้อหา คือ กระทำการให้อากาศยานอยู่ในลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคล ข้อหานี้มีโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 7 ปี ปรับ 10,000-140,000 บาท และเป็นผู้อยู่ในอากาศยานระหว่างการบิน ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้ควบคุมอากาศยาน หรือเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยาน ด้วยการเปิดประตูฉุกเฉินเครื่องบินโดยไม่มีเหตุอันควร ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยกับอากาศยาน หรือบุคคล หรือทรัพย์สินในอากาศยาน ข้อหานี้โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ยังพานายหว่อง ไปตรวจสารเสพติด เบื้องต้นไม่พบสารเสพติดในร่างกาย และความแปลกคือ นายหว่อง ตอบคำถามนักข่าวที่ถามว่า ทำไมถึงทำแบบนี้ ว่ารู้สึกถูกติดตาม ซึ่งเป็นความทรงจำจากภารกิจลับที่เวียดนาม

ด้าน พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ น้อยสอน รองผู้กำกับการสืบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงไทม์ไลน์ของนายหว่อง ว่า เข้าไทยมาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นได้มาเที่ยวเชียงใหม่คนเดียว และเมื่อคืนขึ้นเครื่องจากเชียงใหม่จะไปสุวรรณภูมิ เพื่อกลับแคนาดา นายหว่องให้การกับพนักงานสอบสวนผ่านล่ามและตำรวจท่องเที่ยวว่า ไปเปิดประตูเครื่องบิน เพราะมีกลุ่มขบวนการใต้ดินติดตาม รู้สึกเป็นอันตราย รวมถึงบอกด้วยว่า หากเครื่อง Take Off จะถูกขีปนาวุธลอบยิงตก ทำให้จำเป็นต้องยับยั้งไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม นายหว่อง ยังอ้างว่าป่วย มีอาการทางจิต เคยรักษากับนักบำบัดที่แคนาดามาก่อน แต่ไม่มีหลักฐานอะไรมาแสดง

ฝากขังพรุ่งนี้-เล็งแจ้งข้อหาเพิ่ม
สำหรับนายหว่อง พรุ่งนี้ (9 ก.พ.) พนักงานสอบสวนจะนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดเชียงใหม่ และประสานการบินไทย ให้เข้าแจ้งความเพิ่มเติม หากพบความเสียหายเกิดขึ้นกับอากาศยาน รวมทั้งความเสียหายอื่นๆ ที่เกิดจากการกระทำของนายหว่อง แม้เหตุการณ์นี้การบินไทยบอกว่า เจ้าหน้าที่ช่างได้ตรวจสอบและแก้ไขตามมาตรฐานความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว และผู้โดยสาร นักบิน รวมถึงลูกเรือ ทุกคนปลอดภัยก็ตาม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

กทม. 19 ก.ย.-คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ผ่านมา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า “ข้าพเจ้า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ขอเรียนแจ้งความประสงค์ในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาในการที่ข้าพเจ้าได้เป็นส่วนหนึ่งของพรรค ข้าพเจ้าได้รับเกียรติและประสบการณ์อันทรงคุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมผลักดันนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการสร้างโอกาสให้เยาวชนประสบความสำเร็จ รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อแก้จน แก้หลาก และแก้แล้ง อันช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งล้วนเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังคงมีความเชื่อมั่นว่า “การศึกษา คือรากฐานสำคัญที่สุดในการพัฒนาคนและชาติ” จึงตั้งใจจะอุทิศเวลาและความรู้ ความสามารถทั้งหมดต่อจากนี้ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทย สร้างโอกาสที่เท่าเทียม และขับเคลื่อนการเรียนรู้สู่ความยั่งยืนต่อไป ขอขอบพระคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้มอบโอกาสและความไว้วางใจเสมอมา ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ ให้ประสบความสำเร็จในภารกิจเพื่อประชาชนและประเทศชาติสืบไป”.-315.-สำนักข่าวไทย

พายุดีเปรสชันทวีกำลังเป็นโซนร้อน “มิแทก” ส่งผลไทยฝนเพิ่ม

กรุงเทพฯ​ 19 ก.ย.​-กรมอุตุฯ เผย​พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “มิแทก” (MITAG) แล้วบ่าย​วานนี้ แม้ไม่เคลื่อนเข้าไทยโดยตรง แต่ส่งผลกระทบทางอ้อม ตอนกลางประเทศ​ฝนเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ และต้องเฝ้าระวังพายุอีกลูกช่วงปลายเดือนนี้ นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ขณะนี้​พายุโซนร้อน “มิแทก” มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 21.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.3 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งทางตะวันออกของประเทศจีนตอนใต้ในวันนี้​(19 กันยายน) แม้พายุจะไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งผลทางอ้อม ทำให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 19–26 กันยายน 2568 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น […]

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]