รัฐสภา 8 ก.พ. – นายกฯ รับ ตกใจยาเสพติดแพร่หลายขายตามสี่แยก สั่งด่วนให้ตำรวจเร่งปราบ ชี้มุ่งเป้ารายใหญ่เพื่อไม่ให้กระจายต่อ ระบุนอกจากยาบ้า ยาไอซ์ ปัจจุบัน 4 คูณ 100 และบุหรี่ไฟฟ้า ก็น่าห่วง ย้ำจับมือเพื่อนบ้านแก้ปัญหา PM 2.5
นายโสภณ ซารัมย์ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ตั้งกระทู้ถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 3 เรื่องสำคัญ คือ การแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยหากเปรียบกับผู้ป่วย คืออยู่ในขั้นโคม่า ดังนั้นต้องปฏิรูปทั้งองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งหมด เพราะแม้สถิติการแก้ไขจะลด แต่สวนทางกับความเป็นจริง หากมองให้ลึกลงไป จากปกติปัญหายาเสพติดเกิดกับผู้ใช้แรงงาน แต่ปัจจุบันกลับพบไปถึงนักเรียน นอกจากยาบ้า ยาไอซ์ โดยเฉพาะขณะนี้การนำกระท่อมมาทำเป็นสูตรที่เรียกว่า 4 คูณ 100 กำลังเป็นแฟชั่น กับ บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งยาเสพติดมีหลายประเภท หาง่าย ราคาถูก การแก้ไขไม่จริงจัง จนเป็นปัญหาสังคม ขณะที่กฎหมายก็ไม่เอื้อต่อผู้ปฏิบัติ จับแล้วก็ปล่อย จึงมองว่าปัญหายาเสพติดในขณะนี้อาจจะเป็นวิกฤต เท่ากับวิกฤตเศรษฐกิจหรือการศึกษา รวมถึงการแก้ปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ในระยะสั้นและระยะยาว และจากการที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศ จะมีแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างไร โดยเฉพาะการแชร์นักท่องเที่ยวจากเมืองหลักอย่างกรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ไปสร้างรายได้ให้กับจังหวัดอื่นๆ ที่เป็นเมืองรอง
โดยนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ประเด็นยาเสพติดเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนห่วงใย เพราะจากตัวเลขการจับกุม 4 เดือนสุดท้ายเมื่อปลายปี 2566 สามารถจับผู้ค้ารายย่อยเพิ่มมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 32,000 เคส ยาบ้าจับได้มากกว่าปีก่อน 2 เท่า คือ กว่า 250 ล้านเม็ด โดยเน้นจับผู้ค้ารายใหญ่ไม่ให้ไปกระจายต่อ ซึ่งรายใหญ่ที่ขายมากกว่า 500,000 เม็ดขึ้นไป จับได้ 62 เคส ยึดทรัพย์แล้วกว่า 2,500 ล้านบาท
“หากพูดถึงปัญหาจริง ก็ต้องยอมรับว่าตัวเลขเหล่านี้ยังไม่ได้เป็นที่น่าสบายใจ เพราะแม้ผู้ค้ารายใหญ่จะถูกจับไป แต่ไม่ได้ส่งผลให้ราคายาบ้าแพงขึ้น จึงเป็นการบ้านของรัฐบาลที่ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก ต้องยอมรับรากเหง้าของปัญหามาจากเศรษฐกิจ การที่ประชาชนประสบปัญหารายจ่ายสูง รายได้น้อย อาจหมดหวังมาหลายปี รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะตระหนักปัญหาที่เกิดขึ้น” นายเศราฐา กล่าว
ส่วนเรื่องยาเสพติดที่จับได้แล้วใช้เวลานานในการทำลายนั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่จะจับและพิสูจน์ทราบ และเก็บตัวอย่างเล็กๆ ไว้ ส่วนที่เหลือให้ทำลายล้างโดยเร็ว เพื่อตัดปัญหาที่สังคมสงสัยว่าอาจมีการรั่วไหล ขณะที่เรื่องน้ำกระท่อม ถือว่าเป็นยาเสพติดชนิดใหม่ที่วัยรุ่นให้ความสำคัญ และแพร่กระจายไปเร็ว
“ยอมรับว่า ไม่เคยทราบว่ามีการจำหน่ายอย่างแพร่หลายตามสี่แยก จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาพูดคุย เพื่อให้ดำเนินการกวาดล้างอย่างรวดเร็ว ร่วมกับฝ่ายปกครอง จนสามารถดำเนินการได้ภายใน 1 สัปดาห์ ที่จังหวัดอุบลราชธานี หลังได้พบกับ สส.ในจังหวัด พร้อมกันนี้ยังพยายามกระจายให้ดำเนินการต่อในจังหวัดอื่นๆ ด้วย ย้ำว่า หาก สส.ในพื้นที่มีปัญหา ขอให้แจ้งรัฐบาลเพื่อจัดการอย่างทันควัน” นายเศรษฐา กล่าว
นายกรัฐมนตรี มองว่า ปัญหายาเสพติดโยงไปถึงประเทศเพื่อบ้านด้วย เพราะต้องยอมรับว่า ประเทศที่มีปัญหาภายในอย่างมาก คือ ประเทศเมียนมา ที่มีพรมแดนติดต่อกัน 2,500 กม. ไทยจึงได้รับมอบหมายจากประเทศอาเซียน ที่จะเข้าไปเจรจากับฝ่ายเมียนมา จึงเป็นเรื่องน่ายินดี ที่สัปดาห์ที่ผ่านมา มหาอำนาจ 2 ประเทศ ส่งผู้นำมาเจรจาพูดคุยในหลายๆ ปัญหา ตนเองก็ได้เจรจาพูดคุยเรื่องปัญหาที่ส่งผลกับประเทศไทย ทั้งปัญหายาเสพติดที่ทะลักเข้ามาตามแนวชายแดน และต้องขอขอบคุณกองทัพไทยและความร่วมมือระหว่างฝ่ายปกครอง สส.พื้นที่ และกองทัพบก โดยแม่ทัพภาคที่ 3 กำจัดออเดอร์ได้อย่างมาก ซึ่งการที่ประเทศเพื่อนบ้านมีปัญหาภายใน เรื่องเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญ ง่ายสุดคือผลิตยาแล้วส่งกลับมาขายกับเรา เราก็ไม่ยอม และพยายามพูดคุยและชี้แจงให้มหาอำนาจทั้ง 2 ประเทศเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่ประเทศไทยมีส่วนได้เสียเป็นอย่างมาก ส่วนในอนาคตต้องสกัดการเข้ามาตามแนวชายแดนต่อไป เพราะปัจจุบันทางภาคเหนือทำได้ดี แต่ไปเจอที่ภาคกลาง เช่น กาญจนบุรีที่พบปัญหา จึงต้องสู้กันไป สำหรับการบำบัดคืนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วย ก็เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งจะเรียกรัฐมนตรีสาธารณสุข มาหารือบ่ายนี้
ส่วนเรื่องของฝุ่นละออง PM 2.5 ก็เป็นปัญหาที่มีรากเหง้าจากปัญหาเศรษฐกิจ ยังมีการเผาทำลายวัชพืชด้วยการใช้ไม้ขีดเพียงก้านเดียว ดังนั้น เราจึงจำเป็นจะต้องสร้างองค์ความรู้ให้กับเกษตรกร ซึ่งรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ ควบคู่กับการผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด
“จะเห็นได้ว่า จุดความร้อนที่เกิดขึ้นปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พบว่าลดลงอย่างมีนัย แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจจะยังเข้าใจการแก้ปัญหาน้อยหรือขาดปัจจัยบางอย่าง แต่เมื่อวานนี้ก็ได้มีการหารือกับผู้นำของกัมพูชา ซึ่งยืนยันว่าจะร่วมมือกันแก้ปัญหาเรื่องนี้” นายเศรษฐา กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ตนได้สั่งการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง หากเกษตรกรยังใช้วิธีการเผาอยู่ อาจจะมีการใช้บังคับกฎหมายโดยกระทรวงมหาดไทย หรือตัดความช่วยเหลือจากรัฐบาล
ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ลงทุนมากในการออกนโยบายต่างๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีมาก ไม่ใช่แค่ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน หรือกรุงเทพฯ อย่างเดียว แต่เมืองรองก็ถือเป็นส่วนสำคัญ รัฐบาลอยากสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวกระจายตัวไปเมืองรอง เพื่อเป็นการกระจายรายได้ ผ่านทางซอฟต์พาวเวอร์ด้วยการจัดเทศกาลต่างๆ ทั้งปี ไม่ใช่เฉพาะไฮซีซั่นเท่านั้น
“แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องของนโยบายอย่างเดียวก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเมืองรองได้ การคมนาคมที่สะดวกสบายก็เป็นส่วนสำคัญ ซึ่งรัฐบาลมีแผนที่จะอัพเกรดสนามบินทั่วประเทศ เพื่อให้การเดินทางของนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและต่างประเทศ สามารถเดินทางเข้าสู่เมืองรองได้” นายเศรษฐา กล่าว
ขณะเดียวกัน เราก็ได้มีการประสานพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางต่อได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เพราะเราไม่ได้มองเพื่อนบ้านเป็นคู่แข่ง แต่จะมาช่วยสนับสนุนซึ่งกันและกัน จึงมั่นใจว่าสิ่งนี้จะพัฒนาเมืองรอง สามารถตอบสนองนักท่องเที่ยวได้แน่นอน และวันที่ 1 มีนาคมนี้ ก็จะมีการเปิดวีซ่าฟรีกับจีน อีกทั้งอยู่ระหว่างการดำเนินการประสานพูดคุย เรื่องขอฟรีวีซ่าเชงเก้นเข้ายุโรป
นายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ได้ให้ความสำคัญกับจังหวัดใหญ่เพียงอย่างเดียว เพราะตนเองก็ได้เดินทางไปทั่วประเทศไทย เข้าใจถึงวัฒนธรรม และสิ่งดีๆ ที่เมืองรองสามารถนำเสนอให้กับนักท่องเที่ยวได้ โดยปลายเดือนนี้ก็จะลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดูเรื่องของวัฒนธรรม อาหารการกิน มีอะไรบ้างที่รัฐบาลสามารถสนับสนุนสร้างโอกาสพี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ แต่ทั้งหมดยังเป็นยังมีการบ้านที่ต้องทำต่อ เพื่อปรับปรุงให้ดีที่สุด.-313.-สำนักข่าวไทย