เปิดอีก 2 คลิป หลักฐานรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว

29 ม.ค. – คดีการจับกุมนักร้องเรียนดัง “ศรีสุวรรณ จรรยา” กับพวกรวม 3 คน ข่มขู่รีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ล่าสุดหลักฐานสำคัญทยอยถูกเปิดเผยออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นคลิปเสียงอีก 2 คลิป ด้านตำรวจเผยมีข้อมูลคนบงการอยู่เบื้องหลัง เตรียมขยายผลสอบ


ความคืบหน้าคดีตำรวจ บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการรวบนักร้องเรียนชื่อดัง “ศรีสุวรรณ จรรยา” พร้อมนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ “เจ๋ง ดอกจิก” และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมกันข่มขู่เรียกเงิน 3 ล้านบาท จากนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ก่อนจะมีการเจรจาต่อรองเหลือ 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการปลูกข้าว และโครงการปรับปรุงการผลิตสำหรับผู้ปลูกข้าว

ล่าสุดมีหลักฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการรีดเอาทรัพย์จากอธิบดีกรมการข้าว ทยอยถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวานนี้ สำนักข่าวไทย ได้นำเสนอคลิปเสียงแรกที่อ้างว่า นาย จ. โทรมาหาภรรยาอธิบดีฯ เจรจาขอค่าดูแลแลกกับการไม่ร้องเรียน และเร่งให้จ่าย 1 ล้านบาท ก่อนปีใหม่กันไปแล้ว


ขณะที่วันนี้ (29 ม.ค.) เป็นคลิปเสียงอีก 2 คลิป ที่อ้างว่าเป็นคลิปเสียงนาย “ศ” เจรจาภรรยาอธิบดี โดยคลิปแรก น่าจะเป็นการคุยกันหลังจากที่มีการโอนเงินไปให้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังโอนไม่ครบตามจำนวนที่ตกลงกัน 1.5 ล้านบาท ทำให้ต้องมีการเจรจาว่าต้องจ่ายเงินส่วนที่เหลือ และบอกว่า ถ้าจ่ายตามที่ตกลง เดี๋ยวจะจบเรื่องนี

ส่วนคลิปที่ 2 อ้างว่าเป็นคลิปเสียง “นาย จ” เจรจาภรรยาอธิบดีฯ พาดพิงการจัดซื้อเครื่องบินฝนหลวง และพาดพิงไปหลายฝ่าย บอกว่าเรื่องจะเข้าคณะกรรมาธิการฯ งบประมาณ สภาฯ และตนเองเคลียร์ได้ รวมถึงบอกว่ามีเพียงตนเองที่เอา “นาย ศ” อยู่

เมื่อวานนี้ อธิบดีกรมการข้าว พร้อมด้วยนางธัญญรัตน์ ไชยศิริคุณากร ภรรยา ได้เข้าให้ปากคำตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ ยาวนานกว่า 11 ชั่วโมง และมอบหลักฐานบัญชีธนาคาร 20 เล่ม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไล่ดูประวัติเส้นทางการเงิน หลังให้ปากคำทั้งอธิบดีและภรรยาต่างบอกว่า “ไม่อยากตอบคำถามใดๆ เนื่องจากจะกระทบต่อรูปคดี”


ขณะที่นายดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล ทนายความ และที่ปรึกษากฎหมายอธิบดีกรมการข้าว เปิดข้อมูลใหม่กับนักข่าว เกี่ยวกับพฤติกรรมขู่เรียกเงินจากอธิบดีกรมการข้าว 1.5 ล้านบาทว่า ขณะนี้มีอดีตนักการเมือง ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ติดต่อมายังอธิบดีกรมการข้าว และภรรยาของอธิบดีกรมการข้าว ฝากมาบอกตัวเองให้อธิบดีโจ เบาๆ หน่อย และให้ยุติบทบาท รวมทั้งพยายามโยงธุรกิจของภรรยาอธิบดีกรมการข้าว ที่ทำธุรกิจฟาร์มหมูและฟาร์มไก่ ให้ไปเชื่อมโยงกับคดีหมูเถื่อนตีนไก่เถื่อนด้วย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ แต่ส่วนตัวไม่กลัว การออกมาเปิดเผยในครั้งนี้ไม่มีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้อง และมั่นใจพยานหลักฐานมัดแน่น

ส่วนการรีดทรัพย์ครั้งนี้ มีการทำกันเป็นขบวนการแบ่งหน้าที่กันทำ พร้อมเปิดไทม์ไลน์การรีดทรัพย์ว่า ก่อนเกิดเหตุ มีบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนอธิบดีกรมการข้าว ส่งมายังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนที่อธิบดีกรมการข้าวจะถูกเรียกเข้าไปชี้แจงถึงงบก้อนดังกล่าว ที่ไม่ได้ใช้แล้ว และส่งให้ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ช่วยชาวนาไปแล้ว จากนั้นเรื่องจึงยุติไป จนอธิบดีกรมการข้าวจึงมาปรึกษากับทนายว่า น่าจะถูกคนกลั่นแกล้ง จึงมอบอำนาจให้ไปแจ้งความร้องทุกข์

ต่อมา มีที่ปรึกษาของผู้บริหารของกระทรวงเกษตรฯ เรียกอธิบดีกรมการข้าวเข้าไปพบ ยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ซึ่งปรึกษาคนนี้ได้แนะนำให้จ่ายเงินเคลียร์นาย ศ. เรื่องจะได้ยุติ เพราะหากมีการแถลงข่าว จะเกิดความเสียหายมาก ก่อนนัดแนะให้ไปจ่ายเงินที่บ้านนาย ศ. จำนวน 6 หลัก มากกว่า 100,000 บาท ซึ่งขณะนั้นก็คิดว่า เรื่องจะจบแล้ว แต่เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 นาย ศ. และ นาย จ. ไปแถลงข่าวที่รัฐสภา กล่าวหาถึงการทุจริตในกรมฝนหลวง ซึ่งในช่วงท้ายมีการกล่าวถึงกรมการข้าวว่าเป็นกรมเล็กแต่มีการซุกงบกว่าหมื่นล้าน และตั้งภรรยาผู้บริหารให้เปิดบริษัทรองรับการทุจริต

ในวันเดียวกันก็มีโทรศัพท์จากนาย ศ. โทรเข้ามาหาอธิบดีกรมการข้าวแต่ไม่ได้รับ วันถัดมานาย ศ. ก็โทรเข้ามาอีก เพื่อนัดกินกาแฟช่วงเที่ยง มาถึงก็บอกว่า ขณะนี้เตรียมตรวจสอบงบประมาณ และเตรียมยื่นให้กรรมาธิการตรวจสอบ ซึ่งอธิบดีกรมการข้าว ตอบกลับว่า จะตรวจสอบอะไร และยืนยันว่า ไม่ได้ทำความผิด จากนั้นเมื่อแยกย้ายกันแล้วก็มีโทรศัพท์เข้ามาหาอธิบดีกรมการข้าวอีกครั้ง และเรียกรับเงินเพิ่ม ก่อนที่อธิบดีกรมการข้าวจะยื่นโทรศัพท์ให้ภรรยาเป็นคนคุย ปลายสายตอบกลับว่า จะเรียกเงินจำนวน 2 โล หรือ 2 ล้านบาท ซึ่งภรรยาอธิบดีกรมการข้าว ก็บอกว่า ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ และหากดูแลเล็กๆ น้อยๆ ก็ดูแลได้ ก่อนจะมีการต่อรองกันจนเหลือ 1 กิโลครึ่ง หรือ 1.5 ล้านบาท

โดยฝั่งผู้ต้องหาได้ขอให้โอนมาก่อน 100,000 บาท แต่ทนายบอกภรรยาอธิบดีกรมการข้าวว่า โอนไปแค่ 50,000 บาทก่อน ทั้งนี้เลขที่บัญชีที่มีการส่งมาให้โอนไปนั้นไม่ได้เป็นชื่อของ 1 ใน 3 ผู้ต้องหา เป็นชื่อผู้ชาย คาดอาจเป็นบัญชีม้า จากนั้นก็มีการเร่งเร้าให้จ่ายเต็มจำนวน 100,000 บาท วันที่ 23 ธ.ค.2566 จึงโอนให้อีก 10,000 บาท ระหว่างนั้นมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอส่วนหนึ่ง และเข้าพบกับตำรวจ ปปป. แล้วก็โทรกลับไปหานาย ศ. ซึ่งบอกว่า ยังเหลือเงินที่ต้องจ่ายอีก 1,440,000 บาท ภรรยาอธิบดีกรมการข้าวจึงนำเงินจำนวน 100,000 บาท ไปให้นาย ศ. ที่บ้าน เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งวันนั้นมีการถ่ายคลิปวีดีโอขณะที่นาย ศ. กำลังรับรับเงิน เป็นพยานหลักฐานจนนำไปสู่การออกหมายจับ จนวันที่ 26 ม.ค. ตำรวจ บก.ปปป. จึงเข้าจับกุมนาย ศ. โดยมีของกลางเป็นเงินจำนวน 500,000 บาท

ส่วนกรณีที่นาย ศ. อ้างว่า ไม่รู้ว่าเป็นเงินรีดทรัพย์ ทนายยืนยันว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาจะพูดอะไรก็ได้ แต่ตัวเองในฐานะทนายความที่ทำงานเกี่ยวกับคดีทุจริต มั่นใจว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอทั้งภาพถ่าย และคลิป ซึ่งนาย ศ. มีลักษณะเหมือนวางใจ หลังจากได้เงินไปก้อนหนึ่งแล้ว และคิดว่าจะได้อีก

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยภายหลังการประชุมชุดสืบสวนนัดแรกกว่า 2 ชั่วโมงว่า การสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมีความคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะคำให้การของอธิบดีกรมการข้าวที่ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก และยังมีพยานหลักฐานอื่นๆ อีกหลายส่วน ซึ่งสามารถระบุถึงพฤติการณ์ของขบวนการดังกล่าวได้ชัดเจนว่ามีการวางแผนทำเป็นขั้นตอน ทั้งคนชี้เป้า คนเคลียร์ คนรับเงิน และยังพบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกหลายคน ซึ่งจะต้องเรียกเข้ามาสอบปากคำ โดยมีคนหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นคนให้ข้อมูลกับระดับ ‘ผู้สั่งการ’ ในขบวนการดังกล่าวให้ร้องเรียนในที่ต่างๆ และยังมีข้อมูลว่ามีหน่วยงานอื่นที่ถูกเรียกรับทรัพย์จากกลุ่มดังกล่าวในระดับร้อยล้านบาท แต่ยังไม่มีการจ่ายเงิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานดังกล่าวว่าจะเข้ามาให้ข้อมูลหรือไม่

ทั้งนี้ ตำรวจเชื่อว่า น่าจะมีผู้สั่งการในระดับที่สูงขึ้นไปอีกนอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ยืนยันว่า ตำรวจยังต้องการตัว ‘ปลาใหญ่’ กว่านี้ แต่ไม่ขอระบุเป็นนักการเมืองหรือไม่ ส่วนกรณีของอธิบดีกรมฝนหลวงที่อาจจะถูกกลุ่มนี้เรียกรับเงินนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีมูล ซึ่งหากตำรวจพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงกรณีอื่นก็จะเปิดเผยให้รับทราบ

ส่วนความคืบหน้าในการตรวจสอบวงจรปิดบริเวณรอบบ้านนายศรีสุวรรณ รวมถึงโทรศัพท์ของผู้เสียหายนั้น อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบทุกขั้นตอน คาดว่าจะเสร็จในวันนี้ แต่จะเข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงินหรือไม่นั้นยังต้องตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับการรับผลประโยชน์ในคดีก่อนหน้านี้อย่างไรบ้าง ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง และ ยังไม่มีใครติดต่อมา หากมีก็รับมาตรา 157 ไปก่อน

ส่วนกรณีที่ในคลิปเสียงสนทนามีการกล่าวอ้างถึงบุคคลอื่นในขบวนการ เช่น นักข่าว หรือตำรวจก็อาจต้องเรียกมาชี้แจง แต่ผู้ต้องหาก็สามารถการกล่าวอ้าง หรือมีสิทธิ์พูดอย่างไรก็ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับฟัง แต่จะดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังกล่าวถึงพฤติการณ์ของบุคคลเหล่านี้ว่ามีการกระทำกันจนย่ามใจ ไม่รู้ว่าขอบเขตของกฎหมายเป็นอย่างไร และบางคนมีทรัพย์สินร่ำรวยมีบ้าน 10 หลัง มีที่นาเป็น 100 ไร่ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องตรวจสอบต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

มติกฤษฎีกา “กิตติรัตน์” คุณสมบัติไม่ผ่านนั่งประธานบอร์ด ธปท.

คณะกรรมการกฤษฎีกา 3 คณะ มีมติไม่ผ่านคุณสมบัติ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย

เครื่องบินโดยสาร อาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ตกในคาซัคสถาน

เครื่องบินโดยสารเอ็มบราเออร์ ของสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ที่บินจากอาเซอร์ไบจาน ไปยังประเทศรัสเซีย เกิดอุบัติเหตุตกที่บริเวณใกล้กับเมืองอัคเทา ในคาซัคสถาน โดยมีผู้โดยสาร 62 คน และลูกเรือ 5 คน บนเครื่อง เจ้าหน้าที่คาซัคสถานกล่าวว่า มีผู้รอดชีวิต 28 ราย