ผบช.ภ.2 แถลงปิดคดีฆาตกรรมเศรษฐินีเมืองจันท์

จันทบุรี 26 ม.ค. – ผบช.ภ.2 แถลงปิดคดีฆาตกรรมอำพรางเศรษฐินีเมืองจันท์ ก่อนโยนศพทิ้งน้ำ ยืนยันปมสังหาร 2 ผู้ต้องหาวางแผนล่วงหน้า หวังฆ่าล้างหนี้เงินกู้ 30 ล้านบาท


พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ลงพื้นที่ สภ.มะขาม จ.จันทบุรี แถลงความคืบหน้าคดีฆาตกรรมนางปนิฐิ โกศลานันท์ อายุ 77 ปี นำศพโยนทิ้งลงน้ำ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหาคนสำคัญอย่างนายกฤษฎ์ อ้างมีผู้ร่วมก่อเหตุอีก 3 คน ขณะที่นางปุ้ย ยังปากแข็ง โยนความผิดให้ผู้ตาย อ้างติดหนี้เงินกู้ที่ตนไปค้ำประกันไว้เป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท แต่จากการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานล่าสุด ยืนยันผู้ก่อเหตุฆาตกรรมมีเพียง 2 คน คือ นายกฤษฎ์ และนางปุ้ย

ส่วนมูลเหตุจูงใจเกิดจากการวางแผนฆ่าเพื่อล้างหนี้ จำนวน 30 ล้านบาท ที่นางปุ้ย กู้ยืมหรือหลอกเอาจากผู้ตาย เพื่อนำไปทำธุรกิจปล่อยเงินกู้และรับจำนองทรัพย์สินที่ดินและอื่นๆ ร่วมกับผู้ตาย โดยพฤติกรรมจะขอกู้ครั้งละประมาณ 1 ล้านบาท ยอดรวมประมาณ 30 ล้านบาท


นอกจากนี้ยังทราบว่า เงินที่ได้จากการหลอกยืมจากผู้ตาย นางปุ้ย ผู้ต้องหา นำไปซื้อรถกระบะป้ายแดง จำนวน 2 คัน และรถยนต์อีกหลายคัน ตลอดจนมีการนำไปซื้อทองรูปพรรณเก็บไว้อีกจำนวนหลายแสนบาท โดยเงินก้อนสุดท้ายที่นางปุ้ยกำลังจะขอยืมจากผู้ตาย ได้มีการสร้างเรื่องว่า มีคนป่วยนอนติดเตียงจะยกมรดกให้ และนางปุ้ยจะนำเงินมรดกดังกล่าวมาปิดหนี้ให้กับผู้ตาย แต่จะขอยืมเงินก้อนสุดท้าย 600,000 บาท แต่ผู้ตายไม่ยอม จนกลายเป็นปมสังหาร

ส่วนพฤติการณ์ก่อเหตุ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังให้การซัดทอดกันไปมา โดยนางปุ้ย อ้างว่า นายกฤษฎ์เป็นผู้ลงมือใช้เชือกรัดคอผู้ตาย ขณะที่นายกฤษฎ์ อ้างว่า นางปุ้ยเป็นคนรัดคอผู้ตาย ก่อนจะให้ตนเองเป็นคนนำศพไปทิ้งสระน้ำ

หลังจบการแถลงข่าว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมตำรวจสืบสวน คุมตัวนายกฤษฎ์ไปชี้จุดฝังของกลางที่บ้านพัก ในพื้นที่หมู่ 5 ต.ปัถวี อ.มะขาม จ.จันทบุรี พบของกลางเป็นเครื่องสังคโลกทองเหลือง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีดำ ที่ผู้ต้องหาฝังดินทิ้งไว้บริเวณหน้าบ้าน ระหว่างการชี้จุด นายกฤษฎ์อ้างว่าไม่รู้จักกับผู้ตาย หรือเอาเงินทองทรัพย์สินมาก่อน แต่ถูกนางปุ้ยที่เป็นญาติกันหลอกให้ไปร่วมก่อเหตุ อ้างว่าผู้ตายติดหนี้เป็นเงิน 2 ล้านบาท


ส่วนนางปุ้ย หลังถูกจับกุมได้ที่ จ.อุบลราชธานี และถูกคุมตัวมาถึง จ.จันทบุรี เมื่อกลางดึก เช้านี้ (26 ม.ค.) นางปุ้ย ถูกนำตัวขึ้นรถเดินทางไปยังพื้นที่หมู่ 2 บริเวณบ่อขยะ ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี เพื่อชี้จุดที่นำเสื้อผ้าและหลักฐานอื่นๆ มาเผาทิ้งทำลายหลักฐาน จากนั้นนำตัวกลับมาที่โรงพัก เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม ขณะที่ตำรวจนำตัวนางปุ้ยออกจากรถ เดินเข้าห้องสอบสวน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงสาเหตุการสังหาร นางปุ้ย กล่าวเพียงว่า เป็นเรื่องธุรกิจ

คดีนี้ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหากับทั้ง 2 คน คือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ช่วยซ่อนเร้นหรือทำลายศพหรือชิ้นส่วนของศพ เพื่อปิดบังสาเหตุแห่งการตาย ก่อนส่งฟ้องศาลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง