fbpx

ผบ.ตร.มั่นใจได้ตัวผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย คดีพบศพในตู้แช่

กรุงเทพฯ 22 ม.ค. – ผบ.ตร. มั่นใจได้ตัวผู้ต้องสงสัย 2 ชาวอินเดีย คดีพบศพชาวเมียนมาในตู้แช่ แม้หนีกลับประเทศไปแล้ว


กรณีฆ่าโหดแรงงานเมียนมา หั่นศพเป็นชิ้นก่อนนำไปซ่อนในตู้เย็น ภายในอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ซอยสะแกงาม 35/3 เขตบางขุนเทียน เมื่อวานนี้ (21 ม.ค.67)

หลังจากตำรวจสืบหาหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว วันนี้ยังเรียกแรงงานชาวเมียนมา 4 คน มาสอบปากคำ เนื่องจากพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับที่พบศพ โดยมีล่ามภาษาแปลคำให้การว่า กลุ่มแรงงานต่างชาติมีทั้งชาวอินเดียและชาวเมียนมา รวม 6 คน ทั้งหมดเดินทางมาจากเมียนมา เข้าไทยผ่านนายหน้าชาวอินเดีย จ่ายคนละ 7,000 บาท ซึ่งเดินทางจากเมียนมา ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา และมาถึงชายแดนไทย วันที่ 12 ม.ค. แล้วเดินทางต่อมาถึงย่านสีลม กรุงเทพฯ วันที่ 13 ม.ค. ก่อนจะถูกขังรวมกันในห้องครัวชั้นล่างที่บ้านเกิดเหตุ ไม่ให้ออกไปข้างนอก และวันที่ 19 ม.ค. นายหน้ามีการพูดคุยสอบถามว่า ใน 6 คนนี้ ใครอายุมากที่สุด ซึ่งผู้ตายมีอายุมากที่สุด จึงให้แยกออกไปชั้น 3 โดยผู้ตายเดินตามขึ้นไปเพียงลำพัง นานกว่า 30 นาที ก่อนเดินลงมาเพียงคนเดียวในสภาพเหงื่อเต็มตัว แล้วมีสีหน้าท่าทางไม่พอใจ


ต่อมานายหน้าบอกกับทุกคนว่าไม่พอใจผู้ตาย และขู่ว่ารู้จักตำรวจ ตม.หลายคน หากใครไม่ยอมทำตามคำสั่ง หรือทำให้ไม่พอใจ จะแจ้งตำรวจ พูดจบก็ให้กลุ่มแรงงาน 5 คนที่เหลือ นั่งรถแท็กซี่ไปหางานในย่านสีลม หลังจากทุกคนหางานทำ พอย้อนกลับมาที่พัก เมื่อวานนี้ (21 ม.ค.) พบว่าประตูล็อก จึงงัดกุญแจเข้าไป และพบร่างของผู้ตายในตู้แช่

ตำรวจพบผู้ต้องสงสัย 2 คน เป็นชาวอินเดีย ขณะนี้หนีออกนอกประเทศไปแล้ว เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีปลายทาง คือ เมืองเจนไน ของอินเดีย ล่าสุดทางการไทยประสานผ่านเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยให้ช่วยติดตามตัวผู้ต้องหา เพราะไทยมีความร่วมมืออันดีผ่านทางสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับอินเดีย ส่วนสาเหตุยังไม่แน่ชัดว่าเป็นประเด็นทะเลาะวิวาท หรือชู้สาว และแม้แต่การค้ามนุษย์

จากการสืบค้นข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า นายซันดาราเวล อายุ 23 ปี นายหน้าชาวอินเดียที่พาแรงงานมา เดินทางเข้ามาในไทยถูกต้องและอาศัยอยู่หลายปีแล้ว ทั้งยังจดทะเบียนบริษัทกับกรมธุรกิจการค้า เรื่องของการค้า แต่ประเด็นอื่นต้องรอสืบสวนว่าทำธุรกิจอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ แต่ส่วนของแรงงาน 6 คน คาดว่าเข้ามาแบบผิดกฎหมาย


ผบ.ตร.มั่นใจได้ตัวผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้ใกล้ได้ตัวผู้ต้องหาแล้ว แต่มูลเหตุจะเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ ต้องขอรวบรวมพยานหลักฐานให้มีความชัดเจนก่อน ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน โดยไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง

ทั้งนี้ ภายหลังรัฐบาลมีนโยบายฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวบางประเทศ พบว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวอินเดียเดินทางเข้ามามากเป็นอันดับ 1 จึงมอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับ FBI เข้มงวดการตรวจสอบกลุ่มชาวต่างชาติในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่พัทยา เพื่อเฝ้าระวังกลุ่มชาวต่างชาติที่อาจเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล หรืออาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ฟอกเงิน และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ส่วนกรณีที่มีการปล่อยปละละเลยให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปนั้น จะตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงถึงการปฏิหน้าที่ของตำรวจว่ามีความบกพร่องอย่างไรบ้าง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ผลสอบ “ครูเบญ” เบื้องต้นไม่ผ่านเกณฑ์ ส่ง พฐ.ร่วมตรวจพิสูจน์

สพฐ. เผยผลสอบ “ครูเบญ” เบื้องต้นคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 60 ทั้งภาค ก. ภาค ข. และไม่ติด 1 ใน 10 ส่งข้อสอบให้ พฐ. ตรวจพิสูจน์เพื่อความโปร่งใส

นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบภัย

“นายกฯ แพทองธาร” ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย หวัง ศปช.รับมือ-ช่วยเหลือรวดเร็วทันท่วงที รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้

ฟื้นฟูชายแดนแม่สาย-เร่งกู้ตลาดสายลมจอย

เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูชุมชนชายแดนแม่สายที่ถูกน้ำท่วมและจมโคลนมานาน 10 วัน รวมทั้งเร่งกู้ตลาดสายลมจอยแหล่งจำหน่ายสินค้าชายแดนที่เสียหายอย่างหนัก

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553