ตำรวจเปิด 8 พยานหลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิดคดี “น้องชมพู่”

20 ธ.ค. – ตำรวจชุดคลี่คลายคดี “น้องชมพู่” เปิด 8 พยานหลักฐานสำคัญมัดตัว “ลุงพล” ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่การสืบสวน การสอบสวน รวมถึงการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดนำส่งศาล เพื่อสืบพยานในชั้นศาล


พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีน้องชมพู่ เปิดเผยว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณศาลที่ตัดสินด้วยความเป็นธรรม และขอให้เครดิตท่าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร. ที่ให้ความสนใจและลงมาติดตามคดีด้วยตนเอง พร้อมทั้งระดมกำลังชุดสืบสวนจากทั่วประเทศมากฝีมือมาอยู่ที่บ้านกกกอก ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐ., พล.ต.ต.ชัชชัย วงค์สุนะ ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร, พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป. บช.ก. และ พ.ต.ท.พูนสุข เตชะประเสริฐพร รอง ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1 รวมถึงทีมงานนักสืบสวนทุกคน สถาบันนิติเวชโรงพยาบาล กองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งในขณะนั้นได้รับผิดชอบคดีดังกล่าว และทุกคนทำงานอย่างเต็มที่สุดความสามารถ

พล.ต.ต.นพศิลป์ ยืนยันว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา กระบวนการทำงานของตำรวจชุดสืบสวนนั้น ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งว่าเป็นผู้กระทำความผิด แต่ยึดจากพยานหลักฐานที่พบเจอเป็นจุดสำคัญ จนนำไปสู่การเจอตัวผู้กระทำผิด ซึ่งสามารถสรุปสาระสำคัญที่เป็นพยานหลักฐานสำคัญได้ทั้งหมด 8 ข้อ ดังนี้
1. เส้นทางที่ยากลำบากเกินความสามารถของน้องชมพู่ มีเนินชันมากกว่า 60 องศา ขวางกั้นในทุกเส้นทาง
2. พลังงานจากอาหารมื้อสุดท้ายที่น้องชมพู่รับประทานไปไม่เพียงพอต่อการเดินไปบนจุดพบศพ
3. ประสบการณ์ชาวบ้านยืนยันว่า เด็ก 3 ขวบ จะปีนป่ายไปถึงได้แค่ชั้นที่ 2 ของภูเหล็กไฟเท่านั้น
4. กรณีศึกษาการหลงป่าของชาวบ้านกกตูม ชาวบ้านสามารถหาได้เจอภายในคืนเดียว
5. แพทย์ผู้ชันสูตรและกุมารแพทย์ ยืนยันว่า พัฒนาการของเด็กอายุ 3 ขวบ ไม่สามารถที่จะเดินขึ้นไปเองได้
6. สภาพศพที่เปลือยกาย ซึ่งบิดาและมารดาของน้องชมพู่ยืนยันว่าน้องชมพู่ไม่สามารถถอดเสื้อเองได้
7. พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ที่ตรวจพบเส้นผมน้องชมพู่ถูกตัดด้วยมีด เชื่อได้ว่าเป็นการกระทำของบุคคลอื่น
8. นิสัยส่วนตัวของน้องชมพู่ กลัวที่สูง และกลัวป่า ที่ผ่านมาน้องชมพู่ไม่เคยไปในป่าหลังบ้านเลยสักครั้ง


ซึ่งคำตัดสินวันนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์การทำงานของชุดคลี่คลายคดีที่อดหลับอดนอน ปีนเขา 8 ลูก 9 ลูก กันมานานกว่า 3-4 เดือน ในการหาพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คนร้ายได้รับการลงโทษกับสิ่งที่กระทำต่อเด็กอายุเพียงแค่ 3 ขวบ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสืบสวน การสอบสวน รวมถึงการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดนำส่งศาล เพื่อสืบพยานในชั้นศาล. -413-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก