พรรคประชาธิปัตย์ 8 ธ.ค.-“มาดามเดียร์” ไม่ถอย แม้ สส.ดัน “เฉลิมชัย” นั่งหัวหน้า ปชป. ลั่นต้องเลิกระบบอุปถัมภ์ ที่เป็นเงื่อนไขทำขัดแย้งภายใน ชี้ถ้าแพ้โหวตต้องทบทวน-ประเมินตนเองจะไปต่อหรือไม่
น.ส.วทันยา บุนนาค แถลงยืนยันยังคงสมัครชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในวันพรุ่งนี้(9 ธ.ค.) แม้ว่า สส.พรรคจะมีมติให้เชิญนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรคมาลงสมัคร เพราะมีความเชื่อมั่นและศรัทธาว่าหนทางเดียวที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นที่ไว้วางใจและที่หวังของประชาชนได้อีกครั้ง คือการทำจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ให้กลับมาชัดเจนและเป็นทางที่หวังของประชาชน ตนจึงจะไม่เปลี่ยนแปลงคำพูดและจุดยืนอย่างแน่นอน โดยจะขอสู้ให้ถึงที่สุด และตอนนี้อนาคตของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในมือของสมาชิกพรรค
“ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะยิ่งมีจำนวนแคนดิเดตมากเท่าไหร่ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สมาชิกพรรคจะมีตัวเลือกมากขึ้น แต่ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพูดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ประชาชนจะพิจารณาว่ารู้สึกอย่างไรต่อพรรคประชาธิปัตย์ การที่มาสมัครชิงหัวหน้าพรรคเพราะศรัทธาในอุดมการณ์ ไม่ได้ตัดสินใจเพื่อต่อรองผลประโยชน์ใด ๆ และไม่ได้ตัดสินใจโดยการคำนวณผลแพ้-ชนะ ดังนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะทำตามความฝันและสู้ให้ถึงที่สุด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสมาชิก” น.ส.วทันยา กล่าว
ส่วนถ้าไม่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะตัดสินใจการเมืองอย่างไร น.ส.วทันยา กล่าวว่า คงต้องขอกลับมาทบทวน เพราะโดยส่วนตัวศรัทธาในความเป็นพรรคประชาธิปัตย์และอุดมการณ์ในขณะนี้ เป็นพรรคที่มีประชาชนเป็นเจ้าของ โดยไม่มีใครมากดปุ่มชี้นิ้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงเป็นประเด็นสำคัญว่าหากทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลงไปจากวันแรกที่ตนมาสมัคร ก็ต้องกลับมาประเมินตัวเอง ซึ่งเป็นหลักของการทำพรรคการเมืองและนักการเมืองว่าการร่วมงานกับใครต้องดูทิศทางและอุดมการณ์ว่าเป็นอย่างไร หากเราไม่เหมาะกับองค์กรใดก็เป็นเรื่องของเรามากกว่าที่จะต้องไปพิจารณาตัวเอง
“สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เพราะไม่มีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ขอฝากบอกไปยังสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน ที่หลายคนบอกว่าดิฉันเป็นเลือดใหม่พรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาทำงานกับพรรคเพียงปีเศษ ๆ วันนี้ได้ฐานะคนคนหนึ่งที่เป็นเลือดใหม่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังเชื่อในอุดมการณ์และการเริ่มต้นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์จะเกิดขึ้นได้จริง ขึ้นอยู่กับสมาชิก จึงขอให้เพื่อนสมาชิก เปิดโอกาสให้ดิฉันเข้าไปแข่งขันต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่การผ่านมติโหวต 3 ใน 4 ยกเว้นคุณสมบัติ เพื่อแข่งขันเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งมองว่าไม่ใช่เป็นการให้โอกาสดิฉันเท่านั้น แต่เป็นการให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะหากจะฟื้นฟูพรรคต้องเริ่มจากการเลิกที่จะเลือกจากความสัมพันธ์ เลิกระบบอุปถัมภ์ ต้องเลือกที่คุณสมบัติและความสามารถ เพื่อไม่ให้นำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งและความไม่เข้าใจกันในพรรค สุดท้ายจะทำให้พรรคสูญเสียบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถต่อไป” น.ส.วทันยา กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย