เตือนคนไทยเลี่ยงไป “ล่าเซี่ยว-ท่าขี้เหล็ก”

ทำเนียบ 27 พ.ย.- โฆษกรัฐบาลเตือนคนไทยเลี่ยงเดินทางเข้าพื้นที่เมือง “ล่าเซี่ยว-ท่าขี้เหล็ก” หลังเมียนมาห้ามคนต่างชาติเข้า ฝ่าฝืนจะได้รับโทษ  


นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง แจ้งข้อแนะนำในการเดินทางสำหรับคนไทยที่อาศัยหรือท่องเที่ยวในเมียนมา ภายหลังเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในเมียนมา ซึ่งส่งผลให้ทางการเมียนมาประกาศกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้เน้นย้ำถึงประกาศห้ามคนต่างชาติซื้อบัตรโดยสารเครื่องบิน เพื่อเดินทางไปยังเมืองล่าเซี่ยวและท่าขี้เหล็ก เมียนมา ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 โดยผู้ฝ่าฝืนจะได้รับโทษจำคุกหรือและปรับ ตามดุลพินิจของเจ้าหน้าที่เมียนมา ที่ผ่านมาพบว่ามีคนต่างชาติฝ่าฝืน เพื่อซื้อตั๋วในการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวและได้รับพิจารณาโทษแล้ว

นอกจากนี้ยังได้แนะนำให้คนไทยเลี่ยงการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ที่ทางการเมียนมาประกาศกฎอัยการศึก โดยเฉพาะรัฐฉาน สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางไปยังเมืองอื่น ๆ ในเมียนมา เช่น กรุงย่างกุ้ง เมืองมัณฑะเลย์ เมืองพุกาม เป็นต้น สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอให้ผู้เดินทางติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถืออย่างใกล้ชิด เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ก่อนออกเดินทาง


ทั้งนี้สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ขอความร่วมมือให้คนไทยที่พำนักหรือเดินทางท่องเที่ยวในเมียนมา  ลงทะเบียนการพำนักในเมียนมากับสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อติดต่อและรับข้อมูลในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินได้ 3 ช่องทาง  ได้แก่ 1) เบอร์ฉุกเฉิน สอท. ณ กรุงย่างกุ้ง +95 988 0916795

2) Official Thai Consular ID Line: @395cxuuo   และ 3) ลิงก์ https://docs.google.com/forms/d/1EvXE8rSvSfLMPcyw5lgxnSqXWw4ySljcYxjb19HN1wk/viewform?edit_requested=true&pli=1&fbclid=IwAR3Pn9lzCJ2uHJXX8oXTkfOJs-RSlx0wgkFL1yF_K6E9ix0eeGw1RqEqx-k

“รัฐบาลขอให้คนไทยที่พำนักหรือเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในเมียนมาทุกท่านปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย และขอให้ทุกท่านแจ้งข้อมูลการพำนักหรือเดินทางท่องเที่ยวในเมียนมาให้กับสถานเอกอัครราชทูต เพื่อที่ทางสถานเอกอัครราชทูตสามารถติดต่อและส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์  รวมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ท่านได้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน” นายชัย กล่าว .- สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย