“ก้าวไกล” ฟัน 2 สส. ปมคุกคามทางเพศ  

รัฐสภา 1 พ.ย. – “ก้าวไกล” ฟัน สส.ปราจีนบุรี พ้นพรรค ขณะที่ “สส.ปูอัด” ยังรอด ตัดสิทธิ พร้อมให้รับผิด ขอโทษ และเยียวยาผู้เสียหาย เผยทั้ง 2 กรณี คุกคามทางเพศจริง


วันที่ 1 พ.ย.66 พรรคก้าวไกล ประชุมเครียดตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ที่รัฐสภา โดยเป็นการประชุมของคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรค เพื่อหาข้อยุติกรณีเรื่องร้องเรียนกล่าวหา สส.มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ได้แก่ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม

ทันทีที่เริ่มการประชุม เจ้าหน้าที่พรรคก้าวไกลได้นำโต๊ะมากั้นให้ผู้สื่อข่าวออกจากบริเวณใกล้ห้องประชุม เพราะกลัวเสียงจากด้านในจะดังออกมาข้างนอก และมีการขอเก็บโทรศัพท์มือถือ รวมถึงอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ วางไว้นอกห้องด้วย ทำให้เมื่อเวลายิ่งดึกก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่า ภายในวันนี้จะมีคำตอบว่าจะมีบทลงโทษต่อ สส.ทั้ง 2 คนที่ถูกกล่าวหา จึงทำให้ต้องใช้เวลาพิจารณานานกว่า 6 ชั่วโมง


นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงมติการประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรคก้าวไกล ว่า คณะกรรมการบริหารพรรคเห็นว่า ทั้ง 2 กรณีมีความผิดจริง และมีมติให้ขับออกจากพรรคก้าวไกล ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ การที่จะขับสมาชิกพรรคให้พ้นจากพรรค จะต้องอาศัยเสียง 3 ใน 4 ของ สส. และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่งในครั้งนี้มีกรรมการบริหารและ สส. มาประชุมร่วมกันทั้งหมด 128 คน ผลจากการพิจารณาในที่ประชุมร่วมกับ สส. เห็นตรงกันว่า ทั้ง 2 กรณีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง และขัดต่อวินัยของพรรคอย่างร้ายแรง โดยโทษสูงสุดสำหรับกรณีนี้ คือ ขับให้พ้นจากสมาชิกพรรค และโทษรองลงมา คือ ตัดสิทธิทั้งหมด รวมถึงคาดโทษตามแต่กรณี

โดยผลการลงมติของที่ประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรค ให้นายวุฒิพงศ์ ออกจากพรรคก้าวไกล ด้วยมติ 120 เสียง ส่วนนายไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่เห็นควรให้ขับเอาสมาชิกพรรค 106 เสียง แต่เนื่องจากว่าเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 คือ 116 เสียง ของจำนวนคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.ที่มีอยู่ ก็เท่ากับว่าไม่สามารถมีมติที่จะขับนายไชยามพวาน ออกจากพรรคได้ แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรจะตัดสิทธิพึงมีทั้งหมด และให้คาดโทษไปตลอดสมัยประชุม หากมีพฤติกรรมใดๆ ที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศอีก จะต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นว่า นายไชยามพวาน จะต้องออกมายอมรับผิดและขอโทษต่อสังคม และขอโทษต่อผู้เสียหายทั้งหมด รวมถึงจะต้องชดเชยเยียวยาตามที่ผู้เสียหายต้องการ หากนายไชยามพวาน ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้กระทำผิด ไม่ยินดีที่จะขอโทษต่อผู้เสียหาย และไม่ยินดีที่จะชดใช้ความผิดของตนเอง ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันอีกครั้ง เพื่อมีมติต่อไป


ส่วนที่อาจจะมีข้อสงสัยว่า อีกคนหนึ่งขับออกจากพรรค แต่อีกคนหนึ่งไม่ขับออกจากพรรคนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เราประชุมกันนานมาก คณะกรรมการวินัยคณะกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรค เห็นตรงกันว่า สส.ทั้ง 2 คน มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง และผิดวินัยร้ายแรง แต่เมื่อกระทำความผิด ก็มีบทลงโทษหลายระดับ ซึ่งในกรณีนี้จะเห็นว่า นายไชยามพวาน แม้จะเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แต่เจ้าตัวจำเป็นจะต้องออกมายอมรับผิดและขอโทษ รวมถึงเยียวยาผู้เสียหาย และมีข้อถกเถียงกันมากในที่ประชุม ซึ่งต่างจากกรณีนายวุฒิพงศ์ ที่เห็นตรงกันเกือบทั้งหมดว่ามีการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่บทบาท ตั้งแต่เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส. มาจนถึงการเป็น สส. และเป็นการใช้อำนาจโดยไม่ชอบในการคุกคามทางเพศ และพยายามที่จะใช้อำนาจของตนเองในการปกปิดความผิด จึงทำให้ สส.จำนวนหนึ่งเห็นว่า มาตรการในการลงโทษรุนแรงแตกต่างกัน ซึ่งในกรณีการขับออกจากพรรคของนายวุฒิพงศ์นั้น ไม่ใช่เป็นการตัดหางปล่อยวัด แต่ทำตามบทลงโทษของพรรคเท่าที่ทำได้

หลังจากนี้พรรคจะมีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นมา ที่มี น.ส.เบญจา แสงจันทร์ รองหัวหน้าพรรค เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ที่จะปรับปรุงกระบวนการทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องนี้ขึ้นอีก รวมถึงมีมาตรการและกระบวนการที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในพรรค ซึ่งรวมถึงการอบรมด้วย

ทั้งนี้ ยืนยันว่า พรรคย้ำคุณค่าและให้ความสำคัญกับการไม่อดทนต่อการคุกคามทางเพศ แต่ต้องยอมรับว่า ในหลักการคนจะรับรู้แต่ในทางปฏิบัติ ความเข้าใจในแต่ละคนไม่เท่ากัน ว่าอะไรคือการคุกคามทางเพศ อะไรไม่ใช่คุกคามทางเพศ สำหรับเรื่องนี้เป็นบทเรียนของพรรค ถ้าหากใช้บทบาทหน้าที่และอำนาจของตนเองไปมีพฤติการณ์ในการคุกคามทางเพศ แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าไม่ได้เกิดการบังคับขืนใจ ไม่เกิดการปฏิเสธ และดูเหมือนจะเป็นการยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย แต่กรณีนี้จะชี้ให้เห็นว่า การยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่ายไม่ได้เป็นการยินยอมพร้อมใจอย่างแท้จริง แต่เกิดขึ้นภายใต้อำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน

หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมรับและให้ความร่วมมือ หากมีการยื่นร้องคณะกรรมการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารพรรคและกรรมการวินัยก็มีมติตรงกันว่า ทั้งสองกรณีมีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามข้อกล่าวหา และหากนายไชยามพวาน ไม่ยอมรับผิดและยืนยันว่าตนเองไม่ได้กระทำผิด ไม่ขอโทษ และไม่พร้อมที่จะเยียวยาผู้เสียหาย พรรคพร้อมที่จะนัดประชุมใหม่อีกครั้ง ก่อนจะชี้ว่าเรื่องนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า แม้จะรู้แล้ว แต่ก็ไม่ควรจะคุกคามหรือละเมิดทางเพศใคร แต่มีข้อเท็จจริงที่ผู้กล่าวหารู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เลยความยินยอมพร้อมใจ

หลังจากนี้คณะกรรมการวินัยของพรรคจะแจ้งบทลงโทษให้กับผู้ถูกร้องและผู้เสียหายได้รับทราบมติของกรรมการบริหารพรรคกับมติของที่ประชุม โดยทางพรรคไม่ได้มีการเจรจาหรือเรียกร้องให้ 2 สส.ที่กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เพราะขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้ถูกร้อง

“บางครั้งการแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เป็นเรื่องที่พึงทำ ซึ่งคนทำผิดหากแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง สังคมก็พร้อมที่จะให้โอกาส และการรับผิดชอบทางการเมืองไม่จำเป็นต้องรอให้ข้อเท็จจริงยุติ อย่าคิดว่าความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นการยอมรับผิด และต้องรอให้กระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นทางการสิ้นสุดก่อนเท่านั้น สนับสนุนหากผู้ที่ถูกกล่าวหาจะแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เป็นนิมิตหมายที่ดี และเป็นมาตรฐานทางการเมืองที่ดี” นายชัยธวัช กล่าว

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้แจงข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้ระยะเวลาเนิ่นนานในกระบวนการตรวจสอบและได้ข้อสรุป โดยระบุว่า บางกรณีอาจล่าช้า แต่เป็นความจำเป็นที่กระบวนการสอบซับซ้อน และต้องฟังความอย่างรอบด้าน ต้องมีพยานและข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย ยกตัวอย่างกรณี สส.ปราจีนบุรี ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อมีข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้ข้อยุติ พร้อมกับข้อมูลข้อเท็จจริงจากผู้เสียหาย ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อกรรมการที่จะพิจารณา โดยเฉพาะมีผลต่อที่ประชุมที่จะลงมติในวันนี้ ดังนั้นจะรวบรัดกระบวนการมากเกินไปไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก่อนจะยืนยันว่า พรรคก้าวไกลจะมีการปรับปรุงกระบวนการทั้งของคณะกรรมการวินัยและมาตรการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ มีรายงานว่า บุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้เสียหายได้มาร่วมสังเกตการณ์อยู่บริเวณหน้าห้องประชุมด้วย ซึ่งถ้าหากมติของพรรคไม่เป็นไปตามที่น่าพอใจ คาดว่าจะมีการเดินเรื่องต่อ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย