บน.6 8 ต.ค.-นายกฯ แจงตัวเลขยังไม่เป็นทางการ คนไทยในอิสราเอล เสียชีวิต 1 ราย ถูกจับ 11 คน ย้ำให้ความสำคัญสูงสุด ยกหูคุยทูตไทย-อิสราเอล ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด สั่ง ทอ.สแตนด์บายบิน 24 ชั่วโมง อพยพคนไทยกลับทันทีที่น่านฟ้าเปิด
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ก่อนเดินทางไปเยือน 4 ประเทศ ว่า ได้ติดตามสถานการณ์การโจมตีในอิสราเอลอย่างใกล้ชิดและได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ได้ให้กำลังใจ และล่าสุดเพิ่งได้มีการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอล เมื่อตอน 4.00 น. ของเวลาท้องถิ่น และฝากให้ดูแลคนไทยที่อยู่ที่นั่น พร้อมให้เบอร์ติดต่อส่วนตัวกับทูตทั้งสองไว้แล้ว
ทั้งนี้ ได้รับรายงานอย่างไม่เป็นทางการว่า มีคนไทยเสียชีวิต 1 คน และมีแรงงานที่ถูกจับไปกักขัง 11 คน ตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าอยู่ส่วนไหนบ้าง ลักษณะนี้สถานการณ์ที่อิสราเอลยังล็อกดาวน์ห้ามออกจากบ้าน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อสักครู่ได้พูดคุยกับ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้มีการเตรียมความพร้อมในการอพยพคนไทย ทั้งเตรียมเครื่องบินของกองทัพอากาศ 24 ชั่วโมง ที่จะเดินทางไปรับคนไทยกลับประเทศ แต่ขณะนี้น่านฟ้าปิด ขณะเดียวกันยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และได้ให้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของตน ไว้กับเอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอล และขอให้รายงานประจำวัน ซึ่งเอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอลยังไม่สามารถออกนอกเคหสถานได้ ต้องอยู่ในห้องหลบภัยในบ้าน เพราะสถานการณ์ยังตึงเครียดอยู่ และยังเดินหน้าไปในทิศทางที่ไม่ดีขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นสถานการณ์น่าเป็นห่วง
สำหรับการให้ความช่วยเหลือคนแรงงานไทยที่ถูกควบคุมตัวนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ว่าอยู่ที่ไหนอย่างไร แต่พยายามเต็มที่ที่จะใช้วิธีทำการทูต เพราะถือเป็นบุคคลที่บริสุทธิ์และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งเลย รวมถึงการดูแลแรงงานไทยที่อยู่ทางตอนใต้ของอิสราเอลที่ยังคงติดตาม เพราะไม่สามารถออกจากบ้านได้ แล้วที่บอกว่าแรงงานไทยถูกจับตัวไป 11 คน ยังไม่ยืนยันข้อมูลอาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ ขณะที่ผู้บาดเจ็บยังไม่ทราบจำนวน ส่วนแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานที่อิสราเอลนั้นมี ประมาณ 25,000 คน โดยมี 5,000 คนอยู่ในเขตที่พื้นที่มีปัญหาขัดแย้ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงในส่วนของญาติที่ต้องการทราบสถานการณ์ว่าก็มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่ออยู่แล้ว และหลังจากนี้จะมีการตั้งศูนย์ประสานงานของกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนแผนอพยพคนไทย ยังไม่สามารถตอบได้ว่าอยู่ในระดับไหน เพราะเป็นคำศัพท์ทางการแต่ยืนยันว่า ผู้บัญชาการทหารอากาศพร้อม 24 ชั่วโมงและพร้อมทันทีที่จะเดินทางไป โดยเตรียมเครื่องบิน C130 ซึ่งสามารถขนคนกลับมาได้เที่ยวละ 423 คน โดยการเดินทางต้องแวะเติมน้ำมัน 1 ครั้ง ทั้งนี้ได้แจ้งไปยังเอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอลแล้วว่าตนสามารถที่จะนำเครื่องบินไปรอคอยสแตนด์บายไว้ได้ เพื่อความรวดเร็วในการขนคนกลับ แต่เป็นเพียงข้อเสนอ เนื่องจากขณะนี้น่านฟ้ายังไม่เปิด แต่ถ้าเลิกล็อกดาวน์ สามารถให้คนออกจากบ้านได้ลดระดับความรุนแรงลงแล้วก็อาจจะพิจารณาใหม่ โดยเชื่อว่ากระทรวงการต่างประเทศและกองทัพอากาศกำลังประเมินสถานการณ์กันอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ตนให้ความกังวลใจในระดับสูงสุด ให้ความสำคัญสูงสุด
ส่วนนายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงเรื่องใดเป็นพิเศษกับสถานการณ์ในครั้งนี้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต เป็นเรื่องที่รู้สึกเสียใจและไม่อยากให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นคนไทย แล้วไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง จึงรู้สึกกังวลและไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
นายกรัฐมนตรี ยังกลับมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่านายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ติดภารกิจที่ต่างประเทศ แล้วจะเดินทางไปสมทบที่ฮ่องกง ตนจึงสั่งการให้นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยกเลิกเดินทางร่วมคณะไปปฏิบัติภารกิจ 4 ประเทศพร้อมตน โดยสั่งการให้อยู่ประสานงาน ดูแลสถานการณ์ที่ประเทศไทย เพราะเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นจากอิสราเอลถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง ซึ่งทุกคำถามที่มีความเป็นห่วง ก็คงจะพยายามให้ความกระจ่าง ทั้งเรื่องการตั้งศูนย์ประสานงาน การดำเนินการด้านการทูตหรือความคืบหน้าของผู้ที่ถูกจับตัวไป เพื่อให้คำตอบกับทุกคน ขอให้ประชาชน สบายใจ ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนให้สัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุรีย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พลอากาศเอก พันธภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศที่แจ้งถึงความพร้อมในการอพยพคนไทยจากประเทศอิสราเอล ภายหลังเกิดเหตุโจมตีอย่างหนักด้วย.-สำนักข่าวไทย