ก้าวไกลให้ “ปดิพัทธ์” พ้นจากสมาชิกภาพ

รัฐสภา 28 ก.ย. – ก้าวไกล ออกแถลงการณ์ ให้ “ปดิพัทธ์” พ้นจากสมาชิกภาพ เพื่อให้พรรคทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ ลั่นแยกกันเดินเปลี่ยนประเทศด้วยกัน


ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกลมีการประชุม คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และ สส.ของพรรค เพื่อวางแนวทางการทำงานที่รองรับเป้าหมายของพรรค จากนั้นเวลา 20.45 น. พรรคก้าวไกลได้ออกแถลงการณ์ กรณีให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 พ้นจากสมาชิกภาพ โดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีสาระใจความว่า

แถลงการณ์พรรคก้าวไกล กรณีให้ ปดิพัทธ์ สันติภาดา พ้นจากสมาชิกภาพ


เรียนพี่น้องประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดในประเทศ นับจากนี้ไป พรรคก้าวไกลจะมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานเต็มที่ในฐานะ “ฝ่ายค้าน” เราจะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา พร้อมกับผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้า และเตรียมความพร้อมในการเป็นรัฐบาลที่ดีของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งถัดไป

ในวันนี้ (28 ก.ย. 2566) คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลจึงได้ประชุมร่วมกัน เพื่อวางแนวทางการทำงานที่รองรับเป้าหมายของพรรค ดังต่อไปนี้

  1. ที่ประชุมร่วมฯ เห็นตรงกันว่า พรรคก้าวไกลควรเดินหน้าเป็น “ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์” ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ ชัยธวัช ตุลาธน รับตำแหน่ง “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร” เพื่อกำกับทิศทางการทำหน้าที่ในสภาฯ ของฝ่ายค้าน
  2. ที่ประชุมร่วมฯ เข้าใจว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้ สส. จากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ ตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 106
  3. ที่ประชุมร่วมฯ รับทราบจากหัวหน้าพรรคว่า ทางคณะกรรมการบริหารพรรคได้หารือประเด็นดังกล่าวกับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกลแล้ว โดย นายปดิพัทธ์ ได้แสดงความประสงค์ว่าต้องการทำหน้าที่ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เพื่อผลักดันให้สภา มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น ตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ก่อนหน้า รวมถึงเพื่อช่วยผลักดันให้กระบวนการตรวจรับอาคารรัฐสภา ซึ่งมีสัญญาก่อสร้างมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท มีความโปร่งใส
  4. ที่ประชุมร่วมฯ เห็นด้วยว่าภารกิจที่นายปดิพัทธ์ ตั้งใจขับเคลื่อนจะนำไปสู่การยกระดับการทำงานของสภา และเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่ที่ประชุมร่วมฯ ยังคงยืนยันถึงความสำคัญของการทำหน้าที่เป็น “ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์” ซึ่งจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หาก นายปดิพัทธ์ ยังคงดำรงสถานะเดิมในฐานะรองประธานสภา จากพรรคก้าวไกล
  5. ที่ประชุมร่วมฯ จึงมีมติว่า ในเมื่อ นายปดิพัทธ์ ยังคงยืนยันความประสงค์จะทำงานในฐานะรองประธานสภาต่อ พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องให้นายปดิพัทธ์ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคของพรรคก้าวไกล ตามบทบัญญัติแห่งข้อบังคับพรรคก้าวไกลและรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พรรคก้าวไกลสามารถทำหน้าที่เป็น “ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์” ได้ อันเป็นเงื่อนไขที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของพรรคหลังจากนี้
  6. ที่ประชุมร่วมฯ หวังว่า แม้ นายปดิพัทธ์ จะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลอีกต่อไป แต่เขาจะยังขับเคลื่อนนโยบายตามที่ได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ก่อนถูกรับเลือกโดยสภาผู้แทนราษฎร และต้องวางตนเป็นกลางต่อทุกพรรคการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญ มาตรา 80

พรรคก้าวไกลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคน มาร่วมกับเราในการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปด้วยกัน .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด