พรรคภูมิใจไทย 10 ก.ย. – “มท.หนู” ลั่นต้องทำให้ได้ ฮึ่มผู้มีอิทธิพล ต่อจากนี้จะลุแก่อำนาจไม่ได้อีก ชี้ตั้ง “ชาดา” ปราบ ตรงจุด กล้าชน หนามยอกเอาหนามบ่ง ป้องผ่านคุณสมบัติ รมต.แล้ว ขออย่าด้อยค่า
ที่พรรคภูมิใจไทย วันนี้ (10 ก.ย.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม สส.ของพรรค ว่า ได้มอบหมายให้ สส.พรรคภูมิใจไทย ไปศึกษารายละเอียดนโยบายรัฐบาล ซึ่งส่วนไหนที่เป็นนโยบายของพรรค ให้ช่วยกันอภิปรายสนับสนุนถึงเหตุผลของนโยบาย และคอยช่วยชี้แจงกรณีหากมีความเข้าใจผิดในนโยบายของพรรค หรือพูดในทางเสียหาย รวมถึงตัวรัฐมนตรีด้วย ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (11 ก.ย.66) คงมีการหารือกับนายกรัฐมนตรีว่า หากถูกพาดพิง ท่านมีความประสงค์ให้รัฐมนตรีแต่ละท่านช่วยชี้แจงหรือไม่
เมื่อถามถึงนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลว่าจะสำเร็จได้เมื่อไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า คงไปกำหนดวันเสร็จไม่ได้ แต่จะทำให้พวกเขารู้ว่า ต่อไปจะทำอะไรลุแก่อำนาจไม่ได้อีก ซึ่งคำว่าผู้มีอิทธิพล มันมีนิยามอยู่ เช่น ฮั้วประมูล ค้าประเวณี ค้าน้ำมันเถื่อน เป็นต้น ซึ่งจะนำมาพิจารณาด้วย
เมื่อถามว่า กรณีที่เอานายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย มาแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล ถือว่าแก้ปัญหาได้ตรงจุดใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นายชาดาก็มาช่วยกับตำรวจในการแก้ปัญหา เช่น กรณีกำนันนก ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ากำนัน สังกัดมหาดไทย ซึ่งวานนี้ (9 ก.ย.66) ก็มีการเพิกถอนใบอนุญาตการใช้อาวุธ ซึ่งถือว่ามีการตอบสนอง
เมื่อถามว่า การเอานายชาดา มาแก้ปัญหาตรงนี้ เหมือนเป็นการหนามยอกเอาหนามบ่งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องเลือกคนที่มีความเข้าใจว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญคือต้องมีใจที่จะกล้าชนกับคนพวกนี้ ตนเชื่อว่านายชาดากล้าชน
เมื่อถามว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน บอกว่าให้นายชาดาตรวจสอบตัวเองก่อน นายอนุทิน กล่าวว่า วาทกรรมก็ต้องเป็นแบบนี้ แทนที่จะให้คนไปทำคุณประโยชน์ กลับมาพูดแบบนี้ก็คงไม่ถูกนัก คนมาเป็นรัฐมนตรีต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งเรื่องนี้ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จนมีการนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ฉะนั้น จึงไม่ควรพูดถึงว่านายชาดาเป็นอย่างไร เพราะแบบนี้มันเป็นการด้อยค่า
เมื่อถามว่า จะแก้ปัญหากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นผู้มีอิทธิพลได้อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ผู้มีอิทธิพลหากเป็นคนธรรมดา อิทธิพลก็มาจากคนที่เป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไปยอมเขา เราต้องทำให้เห็นว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนที่ควรสมยอม ต้องไม่ยอมรับผลประโยชน์จากคนพวกนี้เลย หากไปรับเงินทอง ทรัพย์สิน ก็เท่ากับเราไปยอมให้ระบบนี้เกิดขึ้น ถ้าตนมาอยู่ตรงนี้ ส่วนที่รับผิดชอบอยู่ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น และตนต้องทำให้ได้
“ผมไม่ได้ขี่ม้าควบเป็นคาวบอยไปยิง แต่ผมบอกว่าประเทศนี้ต้องไม่มีสิ่งเหล่านี้ ผมมีปลัดกระทรวง มีผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดี นายอำเภอ กลไกเหล่านี้เดินอยู่ ถ้ารัฐมนตรีบอกว่ามีสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ แล้วผู้ว่าฯ คนไหน นายอำเภอคนไหน ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ ผมก็รู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไร” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน ยังได้แสดงความขอบคุณผู้ว่าฯ นครปฐม และนายอำเภอในพื้นที่ ที่เร่งรีบดำเนินการกรณีเหตุยิงตำรวจในพื้นที่ จ.นครปฐม ซึ่งอย่างน้อยก็แสดงถึงความตื่นตัว. – สำนักข่าวไทย