กรุงเทพฯ 6 ก.ย. – “อิทธิพล คุณปลื้ม” ชื่อนี้กลับมาเป็นข่าวดังอีกครั้ง เนื่องจากทันทีที่พ้นตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม กลับถูกศาลออกหมายจับในคดีร่วมกับพวก ออกใบอนุญาตสร้างคอนโดฯ สูง 53 ชั้น ที่ จ.ชลบุรี เพราะเบี้ยวไม่ไปตามนัดอัยการ
ต้องย้อนกลับไปว่า คดีของนายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ระยอง ออกหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติ 5 ต่อ 1 เสียง ชี้มูลความผิดนายอิทธิพล ว่ากระทำผิดตามมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในขณะดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา โดยร่วมกับพวกรวม 11 คน ออกใบอนุญาตให้บริษัทเอกชนดำเนินโครงการก่อสร้างคอนโดฯ สูง 53 ชั้น บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก จ.ชลบุรี โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และสั่งให้พ้นจากตำแหน่งด้วย
การไต่สวนในชั้น ป.ป.ช. พบว่า เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 บริษัทเอกชนได้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารกับเมืองพัทยา เพื่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยบริเวณเชิงเขาพระตำหนัก มีความสูงตั้งแต่ 23 เมตรขึ้นไป และมีพื้นที่รวมกันทุกชั้น ตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป แต่เมื่อตรวจสอบรายละเอียดการก่อสร้าง ทั้งความสูงและความยาวอาคาร กลับไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
หลังรับเรื่อง ป.ป.ช.ใช้เวลาไต่สวนรวบรวมข้อมูล จนเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 ได้ส่งเรื่องให้อัยการ ก่อนที่อัยการสูงสุดจะสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา และนัดให้ ป.ป.ช. นำตัวนายอิทธิพลส่งฟ้องต่อศาล เมื่อวันที่ 4 กันยายน แต่นายอิทธิพล ในฐานะผู้ต้องหา กลับเบี้ยวนัด ทำให้ศาลมีคำสั่งออกหมายจับนายอิทธิพล ซึ่งคดีนี้กำลังจะหมดอายุความในอีก 4 วัน หรือวันที่ 10 กันยายน 2566
นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังส่งเรื่องให้กรมที่ดิน พิจารณาเพิกถอนโฉนดที่ดิน 7 แปลง ซึ่งอธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และให้แจ้งนายกเมืองพัทยา เพื่อประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารโครงการคอนโดฯ หรู โดยมีข้อมูลก่อนหน้าว่า โครงการนี้เคยถูกร้องเรียนหลายครั้ง มีการสร้างผิดแบบจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง บดบังทัศนียภาพอ่าวพัทยา จากจุดชมวิวเขาพระตำหนัก สร้างรุกพื้นที่สาธารณะเชิงเขาพระตำหนัก และตั้งขวางแนวอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และเมื่อปี 2563 นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา มีคำสั่งรื้อถอนโครงการดังกล่าว หลังคดีความยืดเยื้อมานานนับสิบปี
ส่วนความเคลื่อนไหวที่บ้านพักนายอิทธิพล ตามทะเบียนราษฎร์ ในพื้นที่หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง ซึ่งเป็นศูนย์ประสานงานเรารักชลบุรี และเดิมเป็นโรงแรมเก่า ไม่ได้เปิดกิจการนานแล้ว ผู้สื่อข่าวไปสังเกตการณ์ ไม่พบความเคลื่อนไหวของนายอิทธิพล ขณะเดียวกันได้ไปที่บ้านพักอีกแห่ง ในพื้นที่หมู่ 5 ต.นาเกลือ ซึ่งเป็นบ้านพักสมัยที่นายอิทธิพล ดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา ก็พบว่าบ้านถูกทิ้งร้าง
ขณะที่บ้านแสนสุข ริมหาดวอนนภา ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของคนในตระกูลคุณปลื้ม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “บ้านใหญ่” และเปิดเป็นที่ทำงานพรรคพลังชล ซึ่งแม้ว่าพรรคพลังชลยังเปิดทำการปกติ แต่ในส่วนของบ้านพักกลับปิดประตูทั้งหมด ไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีคนเข้า-ออก และไม่มีแม้แต่เงานายอิทธิพล
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ผู้สื่อข่าวชลบุรีได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงในเมืองพัทยา ยืนยันว่า การพิจารณาอนุญาตในขณะนั้น ทางบริษัทมีการขออนุญาตถูกต้อง โดยโครงการได้ยื่นเอกสารกรรมสิทธิ์การครอบครองที่ดิน แบบแปลนอาคาร รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม และข้อมูลอื่นๆ ประกอบร่วม เพื่อให้เมืองพัทยาตรวจสอบ โดยขณะนั้นยังไม่มีเรื่องของการพิจารณาหรือคำสั่งในเรื่องของที่ดิน ว่ามีที่มาถูกต้องหรือไม่
ย้อนกลับมาเรื่องบทลงโทษของนายอิทธิพล คุณปลื้ม ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คือ ต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี อายุความ 15 ปี เมื่อนับอายุความตั้งแต่วันกระทำความผิด คือ 10 กันยายน 2551 ทำให้อีก 4 วัน หรือวันที่ 10 กันยายนที่จะถึงนี้ คดีจะหมดอายุความ
ส่วนการถูกออกหมายจับ ระบุให้หมายจับมีผลสิ้นสุดใน 3 กรณี คือ 1. จับกุมได้ 2. ขาดอายุความ และ 3. เพิกถอนหมาย ซึ่งกรณีนายอิทธิพล มีรายงานว่าได้หลบหนีหมายจับไปกบดานอยู่ที่กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2566 ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามจับกุมได้ภายในวันที่ 10 กันยายน คดีก็จะหมดอายุความ หมายจับก็จะสิ้นสุดตามไปด้วย
ข้อมูลอย่างละเอียด นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 เปิดเผยว่า ต้องนำตัวนายอิทธิพล มาส่งฟ้องให้ได้ภายในวันศุกร์ที่ 8 กันยายนนี้ มิฉะนั้นอายุความคดี ซึ่งมีอายุความ 15 ปี จะสิ้นสุด แม้คดีจะหมดอายุในวันที่ 10 กันยายน 2566 แต่อย่างไรก็ตาม คดีอาจต้องนำไปพิจารณาต่อว่าเข้าข่ายตามมาตรา 13 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 ที่ระบุว่า กรณีผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาคดีของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหา หรือจำเลยหลบหนี รวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ ซึ่งหากเข้าข่ายจะต้องมีการขอหมายจับเพื่อเอาตัวมาดำเนินคดีต่อไป เพราะถือว่าคดียังไม่หมดอายุความ
สำหรับคดีนี้ นายคำนึง ย้ำอีกครั้งว่า มีผู้ร่วมกระทำผิดและถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ กลุ่มผู้ออกใบอนุญาต ซึ่งมีนายอิทธิพล รวมอยู่ด้วย และกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มผู้อนุญาตให้ก่อสร้าง โดยกลุ่มแรกถูกนำตัวส่งฟ้องไปแล้ว 4 คน เหลือเพียงนายอิทธิพล ที่ยังไม่มา. – สำนักข่าวไทย