กทม. 22 ส.ค.-ศาลฎีกาฯ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษา “ทักษิณ” 3 คดี สั่งคุก 10 ปี ติดจริง 8 ปี
พ.ต.อ.คมวุฒิ จองบุญวัฒนา ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานกรุงเทพ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้นำ ตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บุคคลตามหมายจับมาส่งต่อศาล ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ทั้ง 3 คดี ยืนยันว่าบุคคลที่อยู่ต่อหน้าศาลเป็นจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดี
โดยนายทักษิณ รับว่าเป็นจำเลยในคดีทัั้งหมด ดังนี้ 1. คดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ระหว่าง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พันตำรวจโททักษิณหรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย 2.คดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2552 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ระหว่าง คณะกรรมการ ตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พันตำรวจโททักษิณหรือนายทักษิณ ชินวัตร ที่ 1 กับพวกรวม 47 คน จำเลย 3. คดีหมายเลขดำที่ อม. 4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 ของศาลนี้ ระหว่างอัยการสูงสุด โจทก์ พันตำรวจโททักษิณ หรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย จึงรับตัวจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดีดังกล่าวไว้
ศาลได้แจ้งให้จำเลย ทราบคำพิพากษาแล้ว โดยคดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2551คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ลงโทษจำคุก 3 ปี คดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ลงโทษจำคุก 2 ปี และคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม. 4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 ลงโทษจำคุกรวม 5 ปี นับโทษจำคุกของจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 และต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 จากนั้นศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในแต่ละคดีแล้ว
โดยสรุปแล้ว นายทักษิณ จะรับโทษจำคุกจริงเพียง 8 ปี ใน 3 คดี โดยคดีแรก คดีปล่อยเงินกู้ของบริษัทเอ็กซิมแบงค์ โทษจำคุก 3 ปี ให้นับโทษในคดีหวยบนดิน ที่เป็นคดีที่สองที่มีโทษจำคุก 2 ปีไปด้วย จึงเหลือการจำคุกในคดีที่หนึ่งและคดีที่สองเพียง 3 ปี จากนั้นคดีแปลงสัญญาสัมปทานหุ้นชินคอร์ปที่มีโทษจำคุก 5 ปี ให้นับต่อจาก 3 ปี ในสองคดีแรก รวม “ทักษิณ” ต้องโทษจำคุกจริง 8 ปี.-สำนักข่าวไทย