กทม. 2 ส.ค.- พรรคเพื่อไทย แถลงผลหารือก้าวไกล แยกจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล เสนอ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ ยันไม่แก้มาตรา 112 โดยจะแถลงอย่างเป็นทางการพรุ่งนี้ (3 ส.ค.)
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงผลการหารือกับพรรคก้าวไกล และอีก 7 พรรคทางโทรศัพท์ โดยมีข้อสรุปว่า เพื่อการเริ่มต้นใหม่หาทางออกให้ประเทศ หลังจากที่พรรคเพื่อไทย ได้รับมอบหมายเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และหาเสียงกับ สส. และ สว. แต่พบว่ามาตรา 112 ยังเป็นเงื่อนไขหลักที่จะไม่ทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกล
ดังนั้นจากการหารือในวันนี้ พรรคเพื่อไทยขอถอนตัวจากการหารือและเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล และเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ยืนยันจะไม่สนับสนุนการแก้มาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ เพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียงให้เพียงพอกับการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้
โดยในพรุ่งนี้ช่วงบ่าย จะแถลงอย่างเป็นอย่างทางการ ถึงพรรคที่จะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง 8 พรรคเดิม บางพรรคตอบรับมาแล้ว เชื่อว่าการโหวตนายเศรษฐา จบได้ในวันที่ 4 สิงหาคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรวงทอง เลขาธิการพรรค แถลงร่วมกัน ภายหลังจากการประชุม พรรคจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค
นายแพทย์ชลน่าน อ่านแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยในฐานะที่ได้รับมอบภารกิจว่า เริ่มต้นใหม่ร่วมผ่าทางการหาทางออกให้กับประเทศ เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ได้จับมือร่วมกับพรรคการเมืองอีก 6 พรรค รวมเสียงได้ 312 เสียง เพื่อจะตั้งรัฐบาล โดยมีพรรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี และไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประเมินกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่เมื่อแคนดิเดตนายรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลไม่ได้รับเสียงพอ เพราะเงื่อนไขของพรรคการเมืองอื่นๆ และสมาชิกวุฒิสภา ไม่ยอมรับประมวลแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพรรคก้าวไกล รับทราบท่าทีเหล่านี้ แต่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนนโยบาย
และเมื่อพรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ได้เชิญหลายพรรคการเมืองเข้าหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และจากการส่งตัวแทนรับฟังความเห็นจากสมาชิกวุฒิสภาทั้งเป็นกลุ่มและรายบุคคล พบว่านโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยังคงเป็นเงื่อนไขหลัก ขณะที่บางพรรค บางคน แสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่าไม่สนับสนุนถ้าพรรคก้าวไกลร่วมจัดตั้งรัฐบาลในทุกกรณี พรรคเพื่อไทยจึงหารือกับพรรคก้าวไกล เพื่อขอให้ถอนตัวจากการร่วมมือและจัดตั้งรัฐบาล โดยเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 4 สิงหาคมนี้
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐาทวีสิน ขอยืนยันชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลเข้าไปอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียงให้เพียงพอกับการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม และพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันจะทำงานการเมืองในมิติใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชน ในภารกิจที่สำคัญดังนี้คือ จะผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอันเป็นต้นเหตุของความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ และก่อให้เกิดวิกฤติของประเทศ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และให้ทำประชามติจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ เข้ามายกร่างเพื่อเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ภายใต้กรอบกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นโยบายที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล มีความเห็นชอบ เช่น กฎหมายสมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นสมัครใจ ผลักดันการกระจายอำนาจ ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกโอกาส พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการนำรัฐบาลพร้อมที่จะผลักดัน เพื่อให้นโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนสามารถดำเนินการได้ประสบผลสำเร็จ
พร้อมย้ำว่าพรรคเพื่อไทยขอแสดงความจริงใจต่อเพื่อนมิตรทุกพรรคการเมือง และสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งพี่น้องประชาชนว่านี่คือแนวทางที่จะรักษาสถาบันของชาติให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ และช่วยผลักดันความต้องการของประชาชน ภายใต้ข้อจำกัดและเส้นทางที่ยากลำบากนี้ไว้ให้ได้ เพื่อผลภารกิจนำพาประเทศฝ่าวิกฤตินี้ไปให้ได้ และจะใช้ความสามารถในบุคลากรของพรรคเพื่อไทยแก้วิกฤติให้พี่น้องประชาชนโดยเร็ว ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่
สำหรับการลงมติในวันที่ 4 สิงหาคมนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ได้พูดคุยกับพรรคก้าวไกลภายใต้ข้อตกลงว่าเป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกลว่าจะลงคะแนนหรือไม่ แต่มั่นใจว่ามีเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเพียงพอ
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลใหม่นั้น อันไหนบ้างนั้น จะมีข่าวให้กับประชาชนในพรุ่งนี้ ส่วน สว. จะโหวตให้เราหรือไม่นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ข่าวที่เราแถลงในวันนี้และแนวทางที่ชัดเจน ในการที่เราแสดงเจตนารมณ์ต่อข้อกังวลของ สว. และพรรคการเมือง มั่นใจว่าภายใต้เงื่อนไขที่แถลงไปน่าจะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของ สว. ที่เคยมีเงื่อนไขเดิมๆ ไว้ ซึ่งเราพยายามลดเงื่อนไขเหล่านั้นทั้งหมดก็น่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่ทำให้ สว. ให้ความเห็นชอบได้
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด่วยว่า บรรยากาศพูดคุยกับแกนนำพรรคก้าวไกลวันนี้เป็นไปด้วยดี พรรคก้าวไกลรับฟังด้วยดี ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าต้องการความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจจะมีความคลาดเคลื่อนจากการนัดหมายก็ทำความเข้าใจกัน และสรุปว่าไม่ได้เป็นการบอกเลิก แต่เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องชี้ถึงเหตุและผลในการที่จะต้องแยกมาจากตั้งรัฐบาล โดยไม่มีพรรคก้าวไกล
ส่วนพรรคเพื่อไทยจะสามารถนำพาประเทศชาติบ้านเมืองให้รอดพ้นได้หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องแรกในการหมวดเลือกนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจะได้รับเสียงสนับสนุน ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลเชื่อว่าจะพยายามหาเสียงสนับสนุนให้ได้มากที่สุด โดยรัฐบาลที่เข้มแข็งต้องมีเสียงมากกว่า 300 เสียงขึ้นไป แต่ว่าถ้าได้ 320 เสียงก็จะทำให้รัฐบาลมั่นคง ซึ่งเชื่อว่านโยบายที่พรรคนำเสนอ ประกอบกับพรรคร่วมเชื่อว่าจะสามารถทำงานให้เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองและแก้ปัญหาวิกฤติต่างๆ ได้
นายประเสริฐ กล่าวว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยได้มีการหารือพบปะกับพรรคก้าวไกลร่วม 2 ชั่วโมง จากนั้นได้โทรศัพท์แจ้งไปยังแกนนำพรรคการเมือง 8 พรรค ถึงจุดยืนของพรรคเพื่อไทย โดยได้แจ้งแต่ละพรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเดิมว่าพรรคเพื่อไทยได้แจ้งถึงเหตุผลและความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาลในการจัดตั้งครั้งนี้ ส่วนพรรคร่วมอื่นจะตัดสินใจอย่างไร ขอให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละพรรคหากเห็นว่าแนวทางที่พรรคเพื่อไทยได้นำเสนอไปสามารถเข้าร่วมได้พรรคเพื่อไทยก็ยินดี ที่จะร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนการโหวตของพรรคก้าวไกลนั้นได้แจ้งไปแล้วว่าเป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกลเอง และในวันพรุ่งนี้ช่วงบ่ายจะมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งบางพรรคตอบรับมา แต่บางพรรคยังไม่มีท่าที
ด้านนายภูมิธรรม กล่าวถึงเสียงที่พอเหมาะในการตั้งรัฐบาลว่า สามารถบริหารประเทศได้ ขณะนี้กำลังทำงานอยู่ คาดว่าพรุ่งนี้น่าจะสามารถแถลงผลการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพยายามชี้แจง จนถึงนาทีสุดท้าย ซึ่งที่ช้าทั้งหมดไม่ได้ดึงเวลา แต่ได้รับการร้องขอจากพรรคก้าวไกล ซึ่งรอจนถึงเที่ยงคืนไม่มีการติดต่อมา ดังนั้น วันที่ 1 สิงหาคม จึงเริ่มกระบวนการของพรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ผ่านมาได้คุยกับพรรคก้าวไกลมาตลอด มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร ซึ่งทั้งหมดไม่ได้เกิดจากเราดึงเกมทั้งหมดการประชุม 8 พรรคร่วมที่ดีเลย์ไป เพราะก้าวไกลขอให้รอจนถึงเวลา 23.00 น. ของวันที่ 31 กรกฎาคม แต่รอจนกระทั่ง 24.00 น. ก็ไม่มีการติดต่อ แล้ววันนี้จึงเข้าสู่กระบวนการตามสิ่งที่ควรจะเป็น และได้โทรศัพท์ชี้แจงกลับอีก 6 พรรคร่วมว่าต้องเลือกทางเดินที่จะเสนอจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อให้สามารถคลี่คลายวิกฤตการณ์ที่ออกมา
“ขอยืนยันว่าตกลงกันครั้งนี้ของก้าวไกลกับเพื่อไทย ไม่ใช่การเกี๊ยเซี๊ยทางการเมือง ยืนยันการตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล แต่นโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ทางเราพร้อมจะผลักดัน” นายภูมิธรรม กล่าว.-สำนักข่าวไทย