รัฐสภา 27 มิ.ย.-“พิธา” นำทัพ 150 ส.ส.ก้าวไกล รายงานตัวที่สภา สวมเสื้อ “เราคือผู้แทนราษฎร เรามาจากประชาชน’ ลั่นไม่ห่วงเสียง ส.ว. มั่นใจเสียงพอเป็นนายกฯ แน่นอน ปัดตอบแผนสำรองหากไม่ได้ ปธ.สภาฯ รอผลคุยเพื่อไทยพรุ่งนี้ ด้านเจ้าหน้าที่สภาแห่กรี๊ด
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.ก้าวไกล รวม 150 คน เดินทางด้วยรถบัสออกจากตึกไทยซัมมิท มายังอาคารรัฐสภา เพื่อรายงานตัว ส.ส.อย่างพร้อมเพรียงกัน ซึ่ง ส.ส.ทุกคนสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว สกรีนคำว่า ‘เราคือผู้แทนราษฎร เรามาจากประชาชน’ และใส่สูทหรือแจ็กเก็ตทับอีกหนึ่งชั้น โดยเดินจากบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าอาคารเข้ามาพร้อมกัน และทันทีที่นายพิธาเดินทางมาถึงชั้น B1 ซึ่งเป็นสถานที่รายงานตัว มีเจ้าหน้าที่สภามารอและส่งเสียงกรี๊ดต้อนรับ ขณะที่เจ้าหน้าที่พนักงานทำความสะอาดของรัฐสภาก็ได้ชูป้าย ‘ยินดีต้อนรับ’ ก่อนที่นายพิธาจะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงประเด็นร้อนต่างๆ
นายพิธา กล่าวว่า การเข้ามาทำหน้าที่ในสภาครั้งนี้ พรรคก้าวไกลมี ส.ส. 151 คน ซึ่งมากกว่าครั้งที่แล้ว 2 เท่า ก็จะเข้ามาช่วยกันผลักดันงานที่ทำค้างไว้ และผลักดันกฎหมายเพื่อประชาชน ส่วนสาเหตุที่นำ ส.ส.มารายงานตัวในวันนี้ มีหลายเหตุผล เพราะก่อนหน้านี้ตนติดโควิดไม่สามารถมาได้ อีกทั้งวันที่ 27 มิ.ย. มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย ( วันประกาศใช้พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว) จึงเชื่อว่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดี
ส่วนกรณี ส.ว. ออกมาประกาศจะไม่โหวตให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ส่วนตัวก็ไม่กังวลใจ เพราะเท่าที่ได้พูดคุยกับหลายคนก็มีดุลพินิจ โหวตเลือกตามบรรทัดฐานที่เคยทำไว้ในปี 2562 ซี่ง ส.ว. เคยพูดไว้ว่าหากสภาล่างสามารถรวมเสียงได้เกิน 251 คน จะไม่ฝืนมติจากสภาล่างหรือมติจากประชาชน ดังนั้นในภาพรวม ส.ว.ทั้ง 250 คน จะยึดตามหลักการนี้ให้มั่น ไม่ใช่เรื่องของบุคคลว่าจะโหวตให้นายพิธาหรือไม่ แต่เป็นเรื่องของหลักการถ้ายึดตามนี้ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล
ส่วนกรณีนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ระบุจะมี ส.ว. โหวตให้นายพิธาไม่เกิน 5 เสียงนั้น นายพิธา ยืนยันว่า สิ่งที่นางสาวศิริกันยา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ เคยพูดไว้เป็นเรื่องจริงซึ่งพรรคก้าวไกลพยายามพูดคุยทำลายกำแพงระหว่าง 2 สภา จึงมีความคืบหน้าขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้ชี้แจงข้อกังวลใจของ ส.ว. ในเชิงหลักการไปแล้ว อีกทั้ง ส.ว. หลายคนก็ยังไม่ได้พูดความคิดของตัวเองออกมากับสื่อมวลชน เพราะรอเวลาอยู่ พร้อมยืนยันอีกครั้งว่ามีจำนวนเสียง ส.ว. พอที่จะโหวตให้ตนเป็นนายกฯ
ทั้งนี้จะลดเพดานการแก้ไขมาตรา 112 เพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว. หรือจะยืนยันตามนโยบายที่หาเสียงไว้ นายพิธากล่าวว่า การแก้มาตรา 112 เราได้พูดก่อนการเลือกตั้ง และตกผลึกว่าเป็นทางออกให้สังคมไทย เพราะที่ผ่านมามีการใช้มาตรานี้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมือง รังแกคนเห็นต่างและเยาวชน ซึ่งไม่เป็นผลดีกับสถาบันไหนเลย ดังนั้นการจะรักษาสิ่งที่เรารัก ก็ควรจะมีการแก้ไขตามบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะไม่ทำให้เส้นทางการจัดตั้งรัฐบาลต้องสะดุดลง แต่เมื่อมีข้อมูลหลายฝ่าย ก็อาจทำให้คนเข้าใจผิด ว่าแก้ไขก็คือแก้ไข ไม่ใช่ยกเลิก ซึ่งเท่าได้คุยกับวุฒิสภาและหลายฝ่ายก็เข้าใจมากขึ้น ว่าการที่เรารักษาระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับประเทศไทยในยุคเปลี่ยนผ่าน ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจกันมากขึ้น จึงไม่น่าเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า มาตรา 112 จะเป็นอุปสรรคทำให้ไปไม่ถึงนายกรัฐมนตรี จะทำอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า “ผมคิดว่าถ้าจะมี ก็เป็นสิ่งที่กังวลใจ เพราะเหมือนกับว่าเป็นการเอาเสียงที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมาปะทะกับสถาบันโดยตรง เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและเป็นสิ่งที่อันตราย เพราะฉะนั้นอย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง เรายังมีอีกหลายเรื่องที่เห็นตรงกันแล้วมาบริการจัดการ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติและรัฐสภา”
เมื่อถามว่าขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีการวินิจฉัยเรื่องการแก้ไขของมาตรา 112 กังวลหรือไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ ส.ว. ไม่โหวตให้ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ เป็นเรื่องระหว่างศาลรัฐธรรมนูญและอัยการสูงสุด เพราะมองว่าการแก้ไขกฎหมายกฎหมายหนึ่งไม่เท่ากับการล้มล้างการปกครองอย่างที่กล่าวหาที่เกินจริงไปเยอะ เรามีความตั้งใจที่จะรักษาประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้เป็นหลักให้เรายืนแน่นอยู่ ซึ่งตอนนี้ก็อธิบายกันอยู่เรื่อยๆ คิดว่าไม่ได้เป็นตามกระแสข่าว และการแก้ไขมาตรา 112 พรรคก้าวไกลก็ใช้เป็นนโยบายซึ่งผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว
ขณะเดียวกัน นายพิธายังไม่ขอให้ความเห็น กรณีหยก วัย 15 ปี ที่มีปัญหากับโรงเรียน โดยเฉพาะนโยบายโรงเรียน ทั้งแต่งตัว ทำผม
เมื่อถามว่า สรุปแล้วตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรสรุปแล้วจะเป็นของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ขอให้รอฟังการประชุมร่วมกันกับพรรคเพื่อไทย และจะมีการแถลงร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิธา ให้สัมภาษณ์ทั้งหมดเพียง 10 นาที และทันทีที่ผู้สื่อข่าวตะโกนสอบถามว่ามีแผนสำรองหรือไม่ หากตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่ได้เป็นของพรรคก้าวไกล นายพิธาปฏิเสธตอบคำถาม และเดินออกจากวงสัมภาษณ์เพื่อเข้าไปรายงานตัวทันที
ขณะที่บรรยากาศบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภามีแฟนคลับประมาณ 10 คน สวมเสื้อสีส้ม พร้อมป้ายข้อความระบุว่า “ เป็นกำลังใจให้และยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย และทีมงาน ส.ส.พรรคก้าวไกล ทั้ง 151 ท่าน” ตัวแทนแฟนคลับระบุว่า ขอสนับสนุนให้นายพิธาได้เป็นนายกรัฐมนต เพราะประชาชนเลือกมาท่านควรที่จะได้นั่งทั้งนายกรัฐมนตรีและประธานสภา ไม่ว่าตำแหน่งไหนเราก็จะสนับสนุน อยู่เคียงข้างพรรคก้าวไกลตลอดไป.-สำนักข่าวไทย