กรุงเทพฯ 15 มิ.ย.- อธิบดีกรมศุลกากร ยืนยันทำตามขั้นตอนทำลายเนื้อหมูเถื่อนกว่า 4,000 ตัน ต้องใช้เวลาตรวจสอบตู้ในรูปแบบคณะกรรมการ หลัง “วิโรจน์” ระบุทำงานล่าช้า และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยถึงกรณีที่ทำลายเนื้อหมูเถื่อนที่นำเข้ามาจากอเมริกาใต้และยุโรป ผ่านท่าเรือศุลกากรแหลมฉบัง และยึดตู้คอนเทนเนอร์ไว้ตรวจสอบ 161 ตู้ และส่งให้ปศุสัตว์จังหวัดชลบุรีดำเนินการทำลายไปแล้ว 159 ตู้ น้ำหนักกว่า 4,313 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนอีก 2 ตู้ ยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี
นายพชร ระบุว่า กรมศุลกากรเฝ้าระวังการลักลอบนำเนื้อหมูเถื่อนเข้ามาในไทยกว่า 1 ปีมาแล้ว และได้อายัดไว้กว่า 200 ตู้คอนเทนเนอร์ และสั่งทำลายไปแล้วบางส่วน ซึ่งเนื้อหมูที่ถูกลับลอบนำเข้ามานี้สำแดงว่าเป็นปลาแช่แข็ง ซึ่งเห็นว่านำเข้ามาจำนวนมากผิดปกติ จึงให้อายัดตรวจสอบไว้ทั้งหมด แต่เมื่อเปิดดูพบว่าเป็นเนื้อหมูแช่แข็ง ซึ่งถือว่าสำแดงเท็จ จึงสั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำงานร่วมกันเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และสืบหาผู้ที่นำเข้า และบริษัทชิปปิ้งทั้งหมด แต่ยังไม่มีผู้แสดงตัวเป็นเจ้าของ
เบื้องต้น กรมศุลกากรถอนใบอนุญาตบริษัทชิปปิ้งดังกล่าวไปแล้ว และตามปกติกรมศุลกากรไม่สามารถเปิดตรวจสอบตู้สินค้าเองได้ ยกเว้นตรวจพบว่าเป็นยาเสพติดและอาวุธสงคราม จึงต้องอายัดไว้ก่อนเป็นเวลา 30 วัน และขยายเวลาได้อีก 15 วัน หรือในขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 60 วัน เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ พร้อมแจ้งเจ้าของสินค้า แต่เมื่อไม่มาติดต่อสามารถเปิดได้ และเจ้าของสินค้าผู้นำเข้าจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งค่าไฟฟ้าที่ใช้กับตู้แช่ และเช่าสถานที่ค่าวางสินค้าทั้งหมด จึงทำให้มีความล่าช้าในการตรวจสอบ
ส่วนกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า กรมศุลกากรใช้เวลานานในการตรวจสอบ และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง นายพชร ระบุว่า ที่ผ่านมาทางกรมศุลกากรดำเนินการมาโดยตลอด แต่ไม่ได้มาแถลงข่าวถึงความคืบหน้า เนื่องจากของกลางเป็นเนื้อหมูที่ไม่ใช่ยาเสพติดที่มีมูลค่าความเสียหายสูง และในส่วนที่ทำลายไปแล้วก็ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ดำเนินการ และชี้แจงผ่านเว็บไซต์ของกรมศุลกากรเช่นกัน ยืนยันว่าไม่มีความล่าช้า แต่ทำต้องตามขั้นตอน
อธิบดีกรมศุลกากร ยังระบุว่า สำหรับการตรวจสอบของกรมศุลกากร กรณีที่พบเป็นเนื้อหมูค่อนข้างที่จะตรวจยึดได้ยาก แต่จะพบได้ก็ต่อเมื่อผู้นำเข้ามาเข้าระบบพิธีทางศุลกากรที่จะต้องมาสำแดงสินค้า แต่หากตรวจพบว่าไม่ตรงกับที่สำแดงถึงจะพบของกลาง และที่ผ่านมาก็สามารถยึดเนื้อหมูเถื่อนไว้ตรวจสอบได้กว่า 5 ล้านตัน.-สำนักข่าวไทย