เมียนมา 18 พ.ค. – หลังจากพายุไซโคลน “โมคา” พัดถล่มเมียนมา ยังไม่มียอดผู้เสียชีวิตจากทางการ แต่คนในท้องถิ่นรายงานว่าเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 200 คนแล้ว ส่วนผู้รอดชีวิตต้องลำบากหนัก ความช่วยเหลือเข้าไปน้อยมาก
ตัวเลขผู้เสียชีวิตนี้เป็นการรายงานของบรรดาผู้นำและสื่อในท้องถิ่นรัฐยะไข่ โดยที่ยังไม่มีการยืนยันจากรัฐบาล ตามการรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีในวันนี้ เชื่อว่ายอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 81 คน แต่สำนักข่าวทางเลือกของเมียนมา คือ สำนักข่าวอิระวดี รายงานตั้งแต่เมื่อวาน (17 พ.ค.) ว่า ยอดเสียชีวิต เพิ่มเป็น 202 คน และอาจจะเพิ่มขึ้นอีกเพราะยังมีผู้สูญหายนับร้อย
ขณะนี้ประชาชนในเมืองชิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ ซึ่งเสียหายหนักมาก ต้องได้เข้าแถวรอรับข้าวสารและน้ำดื่มที่ขาดแคลนอย่างรุนแรง เพราะพายุได้ทำลายระบบกรองน้ำและประปาสำหรับประชากร 150,000 คน ในเมือง ซึ่งอาคารบ้านเรือนแทบทั้งหมดในเมืองได้รับความเสียหาย นอกจากรัฐยะไข่แล้ว รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหาร แจ้งว่า รัฐชิน ที่อยู่ใกล้เคียงก็ได้รับความเสียหายหนักเช่นกันมีบ้านเรือน 1,100 หลัง ถูกทำลาย
องค์กรต่างๆ เช่น โครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ ได้พยายามนำความช่วยเหลือเข้าไป โดยสหประชาชาติได้เตือนว่า วิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมได้เริ่มขึ้นแล้ว จึงเริ่มเจรจากับรัฐบาลทหารของเมียนมาเพื่อเปิดทางให้เข้าถึงพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะชุมชนของชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญา เพื่อนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปให้ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาล
เมื่อราว 15 ปีก่อน รัฐบาลทหารในขณะนี้ก็ถูกวิจารณ์เรื่องการช่วยเหลือประชาชน และขัดขวางการทำงานของนานาชาติ เมื่อไซโคลนนาร์กิส ถล่มทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 138,000 คน ในครั้งนี้ที่ถูกพายุไซโคลนโมคา เป็นพายุลูกใหญ่ที่สุดในอ่าวเบงกอลในรอบกว่า 1 ทศวรรษ ทำให้รัฐยะไข่ ซึ่งมีประชากรชาวโรฮิงญาหลายแสนคน กำลังเสี่ยงจะถูกเพิกเฉยเช่นกัน เพราะทางรัฐบาลไม่มอบสิทธิพลเมืองให้และยังห้ามการเดินทางออกนอกพื้นที่.-สำนักข่าวไทย