“ช่อง 9 ดีเบต” รอบ 2 เผยจุดแข็ง-จุดอ่อน แคนดิเดตนายกฯ

อสมท 3 พ.ค. – “MCOT เจาะลึกเลือกตั้ง 66” ดีเบตรอบ 2 เผยจุดแข็ง-จุดอ่อน แคนดิเดตนายกฯ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ประกาศชัดไม่จับขั้วพรรค 2 ลุง เห็นพ้องพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดควรเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล


รายการ “MCOT เจาะลึกเลือกตั้ง 66” เวทีประชันวิสัยทัศน์ ครั้งที่ 2 “ถอดสูตร จับขั้วรัฐบาล สู่เป้าหมายนายกรัฐมนตรีคนต่อไป” มีตัวแทน 6 พรรคการเมืองเข้าร่วม ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายเกียรติ สิทธีอมร คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ นายศุภชัย ใจสมุทร แกนนำพรรคภูมิใจไทย และนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล

นายภูมิธรรม กล่าวว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 คน มีความเหมาะสม เพราะเป็นคนที่มีความสามารถหลากหลาย เป็นที่ยอมรับทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ มีความเป็นมืออาชีพ เข้าใจปัญหาอย่างครบถ้วนรอบด้าน มีความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรีทุกคน และไม่ว่าใครได้เป็นนายกรัฐมนตรี อีก 2 คนก็จะช่วยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง นี่คือการทำงานเป็นทีม ซึ่งนโยบายที่พรรคนำเสนอ คือ การมองนอกกรอบ เห็นแง่มุมใหม่ๆ เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ ทั้งนี้ ถ้าจะเลือกให้เหลือเพียงคนเดียว ก็ต้องรอภายหลังได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ทางการเมือง ว่าใครที่จะเหมาะเป็นผู้นำ


นายสุชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศ ซึ่งอาจจะไม่หวือหวา แต่ราบรื่น มั่นคงแข็งแรง โดยเปรียบหากต้องเลือกหมอผ่าตัดหัวใจ ก็จะเลือกหมอที่มีประสบการณ์

“หากผ่าตัดหัวใจก็จะไม่หาหมอใหม่ๆ แต่ต้องหาหมอที่มีประสบการณ์มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความซื่อสัตย์สุจริต แก้ปัญหาโควิดที่ผ่านมา จนทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น รวมถึงมีความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดี” นายสุชาติ กล่าว

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนมีจิตใจดี อยากช่วยเหลือประชาชน รับฟังทุกกลุ่มทุกฝ่ายมาโดยตลอด ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพและอยู่มาได้ 4 ปี เพราะมี พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ประสาน


“พล.อ.ประวิตร ต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะวันนี้การเมืองมีปัญหา ซึ่ง พล.อ.ประวิตร บอกว่า หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะทำให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายได้มาพูดคุยกัน เพื่อหาทางออกให้ประเทศ ผ่านกลไกของรัฐสภา เชื่อว่าการประสานงานได้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร มีความมุ่งมั่นตั้งใจ และมีความพร้อมที่จะมาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน” นายชัยวุฒิ กล่าว

นายเกียรติ กล่าวว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ เป็น ส.ส. 11 สมัย เป็นรัฐมนตรี 7 กระทรวง เมื่อเทียบกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ คุณสมบัติเหนือกว่าหลายๆ คน ซึ่งการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ต้องได้รับการยอมรับและพิสูจน์ฝีมือ ไม่ใช่จะเป็นใครก็ได้ ซึ่งนายจุรินทร์ มีความรู้เรื่องการบริหารงานของประเทศ เป็นคนรักครอบครัว รักศิลปะ ถือว่าเป็นคนมีความรอบคอบ ไม่หุนหัน แต่อาจจะมีข้อเสียเล็กน้อย คือ พูดไม่ค่อยเก่ง

นายศุภชัย กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย เป็นหัวหน้าพรรคมา 10 ปี เป็นผู้นำที่โดดเด่น ใกล้ชิดสมาชิกพรรค และเป็นที่ยอมรับของทุกคน มีประสบการณ์ในภาคเอกชนและงานภาครัฐ ช่วงโควิดที่ผ่านมา มีบทบาทในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถือว่ามีความสามารถในการเป็นผู้นำในภาวะวิกฤติ นอกจากเรื่องคุณวุฒิแล้ว วัยวุฒิก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ นายอนุทิน ถือว่ามีร่างกายแข็งแรง สามารถที่จะนำพาประเทศผ่านวิกฤติไปได้ และนายอนุทิน มีความเป็นนักประนีประนอม ไม่ชอบเรื่องความขัดแย้ง และเป็นคนดี มีจิตใจโอบอ้อมอารี ปิดทองหลังพระในการช่วยชีวิตคนมาจำนวนมาก

นายชัยธวัช กล่าวว่า ปัญหาของสังคมไทยในปัจจุบัน คือ ปัญหาการเมืองติดหล่ม จำเป็นต้องยกระดับคุณภาพของพรรคการเมืองและนักการเมืองใหม่ เพื่อให้ประชาชนกลับมาศรัทธาในระบบรัฐสภา ปัญหาความหลากหลายของสังคมยุคใหม่ที่จะตอบสนองข้อเรียกร้องของคนรุ่นใหม่อย่างไร

“นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด เพราะเป็นผู้นำทางการเมืองที่กล้าเผชิญปัญหายากๆ และกล้าเผชิญปัญหาในสิ่งที่นักการเมืองแบบเดิมไม่ค่อยอยากจะพูดถึง และเผชิญได้อย่างมีวุฒิภาวะ” นายชัยธวัช กล่าว

จากนั้นให้ตัวแทนแต่ละพรรค สลับกันบอกถึงเหตุผลที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอื่นไม่เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายชัยธวัช กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเหมือนตัวแทนของคนที่คิดว่ากำลังหวังดีกับประเทศ และทำเพื่อชาติ แต่สุดท้ายคือกลายเป็นโศกนาฏกรรมโดยไม่รู้ตัว และคิดว่าควรพอได้แล้วกับความหวังดี เพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมสำหรับสังคมไทยไปมากกว่านี้

นายสุชาติ กล่าวว่า สิ่งที่เลขาธิการพรรคก้าวไกลพูด เป็นสิ่งที่บุคคลภายนอกมอง ยืนยัน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนดี ซึ่งแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ย้ำถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่คนดี ตนเองคงไม่มาร่วมงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ และคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรไปต่อ เพราะต้องทำงานต่อในสิ่งที่ยังไม่สำเร็จ

พร้อมกันนี้ นายสุชาติ มองว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา เป็นนักธุรกิจ ไม่ได้รู้บริบททางการเมืองที่มีรายละเอียดมาก การเป็นผู้นำประเทศควรจะมีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมากกว่านี้ ขณะที่ น.ส.แพทองธาร มีประสบการณ์น้อย

นายภูมิธรรม ชี้แจงว่า แคนดิเดตทั้ง 3 คนของพรรคเพื่อไทย มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และมีความเป็นคนรุ่นใหม่ อายุเป็นเพียงตัวเลข และเชื่อว่าการเป็นบุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร มีความรู้ลึกถึงการทำงานทางการเมือง

นายภูมิธรรม ระบุว่า นายอนุทิน น่าจะมีทัศนคติเกี่ยวกับปัญหากัญชาที่ดีกว่านี้ ซึ่งพรรคการเมืองอื่นก็น่าจะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนโยบายกัญชาได้ แต่นายอนุทินก็สวนกลับทันที ซึ่งคนเป็นนายกรัฐมนตรีควรจะต้องมีสติ คิดถึงปัญหาต่างๆ และควรเป็นคนที่มีความใจกว้าง แลกเปลี่ยนปัญหากัน ซึ่งการทำงานของนายอนุทินที่ผ่านมา ยังไม่เหมาะกับวิกฤติที่เกิดขึ้นของโลกที่มีปัญหาซับซ้อน

นายศุภชัย ชี้แจงว่า นายเศรษฐาไม่เข้าใจเรื่องของกัญชา รวมถึงไปปราศรัยว่า ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทยจะได้ พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นการกล่าวเท็จ ทำให้นายอนุทินต้องออกมาชี้แจง ซึ่งตนอยากบอกว่า นายเศรษฐาเองที่ไม่เหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรี และการที่นายอนุทินได้ออกมาชี้แจงนั้น เป็นสิ่งที่ทำถูกต้องแล้ว

พร้อมกล่าวว่า ต้องยอมรับว่า พล.อ.ประวิตร มีอายุมากเกินไป และประสบการณ์ในการบริหารงานต้องมีมากกว่านี้ ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ควรจะต้องมีความรู้และประสบการณ์ที่รอบด้าน

ด้านนายชัยวุฒิ ยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร มีสุขภาพที่ดี อาจจะเดินช้าบ้าง แต่ในเรื่องการทำงานนั้น จำได้หมด และมีความเข้าใจในการทำงาน แต่อาจจะไม่พูดหรืออธิบายอะไรมาก ถือเป็นสไตล์ในการทำงาน

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า การบริหารประเทศมีความลึกมากกว่าการทำงานในรัฐสภา และเชื่อว่า นายพิธาจะไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งมองว่า ภายในพรรคก้าวไกล มีอีกหลายคนที่ควบคุมการเมืองภายในพรรค เช่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ซึ่งถ้าการเมืองมีความแหลมคม เชื่อว่า นายพิธาจะไม่สามารถขับเคลื่อนการเมืองไปได้

เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า พรรคไม่มีการถูกควบคุมโดยคนอื่น เพราะมีการแบ่งงานชัดเจนว่า ในแต่ละเรื่องจะมีใครเป็นผู้ตัดสินใจ และสิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องจบลงที่คณะกรรมการบริหารพรรค เชื่อว่า นายพิธาจะแสดงบทบาททางการเมืองที่ถูกต้อง

นายเกียรติ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยและประสบการณ์น้อย อาจไม่สามารถนำพาประเทศไปได้ นอกจากประสบการณ์แล้ว คนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น คำพูดเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่พูดกลับไปกลับมา

เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า บริบทของสังคมไทย ต้องการผู้นำที่มีประสบการณ์ใหม่ มุมมองใหม่ วิธีการคิดใหม่ เพราะประเทศอยู่ภายใต้ประสบการณ์และความสำเร็จแบบเก่ามายาวนาน และทำให้มีปัญหาอยู่ทุกวันนี้

ขณะที่การรวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาล จำเป็นจะต้องได้เสียง ส.ส. เกินกึ่งหนึ่งหรือไม่นั้น หลายพรรคการเมือง ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ มองว่า พรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด ตามวัฒนธรรมทางการเมืองควรจะเป็นผู้ที่ได้รวบรวมการจัดตั้งรัฐบาลก่อน เพราะในทางปฏิบัติ การจัดตั้งรัฐบาลด้วยเสียงข้างน้อยนั้น เป็นไปได้ยากและไม่ควรเกิดขึ้น จะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น การโหวตผ่านงบประมาณประจำปี

เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ถ้าการจัดตั้งรัฐบาลมาจากการได้เสียง ส.ส.ไม่เกินกึ่งหนึ่งนั้น แปลว่าจะได้รัฐบาลเสียงข้างน้อย การได้เสียง ส.ว.มาสนับสนุนนั้น ตามรัฐธรรมนูญเป็นไปได้ แต่ในทางปฏิบัตินั้นเป็นไปไม่ได้ในการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้เราควรพูดถึงการเมืองที่ควรจะเป็น กับการเมืองที่เป็นจริงในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งการเมืองที่ควรจะเป็นนั้น ต้องเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยและเสียงของประชาชน ซึ่งคนที่ได้เสียงมากที่สุดในสภาฯ ต้องมีสิทธิที่จะรวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาล และเราไม่ควรพูดถึงการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และตามรัฐธรรมนูญยังให้อำนาจ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ส.ว. ถือว่ามีความสำคัญที่จะต้องคิดให้ดี

ขณะที่เงื่อนไขในการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยืนยัน “มีเรา ไม่มีลุง” เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ยืนยันไม่เอาลุงทั้ง 2 พรรค คือ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยพรรคที่จะจับมือกับพรรคเพื่อไทย ต้องเป็นพรรคที่มีวิญญาณทางประชาธิปไตย

นายชัยวุฒิ บอกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่จับขั้วกับพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล และต้องจับขั้วกับพรรคอื่นๆ ที่มีอยู่

นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลักของการร่วมรัฐบาลของเพื่อไทย คือ การยอมรับในสิ่งที่เราเป็น นายกรัฐมนตรีต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย และต้องยอมรับนโยบายของพรรค

ทั้งนี้ หากพรรคที่รวบรวมคะแนนเสียงในสภาฯ ได้เกินกึ่งหนึ่ง แต่หาก ส.ว. งดออกเสียงทั้ง 250 คน จะมีความเป็นไปได้หรือไม่นั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ก็สามารถเป็นไปได้ หาก ส.ว. จะไม่เห็นด้วย เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็ต้องมาพูดคุยกันไหมว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี

เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่ใช่จะประเมินแค่ ส.ว. อย่างเดียว สิ่งสำคัญคือต้องประเมินอารมณ์ของสังคมด้วย หาก ส.ว. ทำเช่นนั้นจริง จะเป็นการประเมินความโกรธของสังคมน้อยไป น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำให้สังคมลุกเป็นไฟ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นการคาดการณ์ทั้งหมด แต่เชื่อว่า ส.ว. น่าจะมีความคิดและวุฒิภาวะ และเชื่อว่าการตัดสินใจของ ส.ว.ในครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิม เช่นเดียวกับนายเกียรติ กล่าวว่า ต้องให้เกียรติ ส.ว. และ ส.ว.เองจะเป็นผู้ที่ต้องตอบสังคม ซึ่งบริบทขณะนี้ไม่เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

สำหรับหมัดเด็ดในช่วงโค้งสุดท้าย พรรคเพื่อไทย บอกว่า ต้องเดินไปในลู่ อย่าให้ตกลู่ ต้องดูคู่แข่งว่าเป็นอย่างไร และต้องประเมินสถานการณ์และแก้ไขปัญหาให้ได้ ด้านพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า ทุกพรรคการเมืองเมื่อเดินเข้าด่านสุดท้ายก็จะมีกิมมิกออกมา ซึ่งต้องประเมินคู่แข่งด้วย

นายสุชาติ กล่าวว่า พรรคได้วางยุทธศาสตร์พรรคไว้แล้วว่าจะปล่อยหมัดเด็ดออกมาอย่างไร ในขณะที่ ส.ส. ก็ต้องลงพื้นที่ เช่นเดียวกับนายชัยวุฒิ ที่ต้องให้ ส.ส.ในพื้นที่ทำให้ประชาชนเกิดความไว้วางใจมากที่สุด. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก