อสมท 21 เม.ย. – “พิธา” ย้ำฝ่ายค้านจับแพ็กกันแน่น มั่นใจได้เกิน 300 เสียง ไม่ตั้งรัฐบาลข้ามสายพันธุ์ และไม่ได้หวังเกาะเพื่อไทย แต่ทำงานด้วยกันมา ขณะที่ “จุติ” บอกเห็นจับขั้วมาเยอะ แต่แตกทุกครั้ง ส่วนเพื่อไทยเป้าหมายคือเป็นรัฐบาล และไม่ปิดทางตัวเอง
รายการ MCOT เจาะลึกเลือกตั้ง 66 เชิญตัวแทน 5 พรรคการเมืองที่ติด 1 ใน 5 ของหัวหน้าพรรค ที่โพลระบุว่ามีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการจับขั้วการเมืองหลังการเลือกตั้งว่า การจับขั้วข้ามขั้วเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่ไม่ควรจะเป็น และตนยังคิดว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านในปัจจุบันที่ทำงานร่วมกันมา 4 ปี เป็นคำตอบที่ดีที่สุดของประเทศไทย ตอบโจทย์มากที่สุด และคิดว่าหากรณรงค์กันเต็มที่ แพ็กกันให้แน่น จับขั้วให้มั่น เชื่อว่ามีเสียงเกิน 300 คนได้ และหากรวมกันได้เกิน 300เสียง เชื่อว่าเสียงของ ส.ว.ไม่มีความหมาย จึงไม่ต้องการให้มีการข้ามสายพันธุ์ และยืนยันไม่ได้เป็นการเกาะเพื่อไทย แต่เป็นการทำงานด้วยกันมา ตนก็เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ส่งผู้สมัครเกือบครบทุกเขต เป็นตัวของตัวเอง ก้าวไกลก็ยังเป็นก้าวไกล
นายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงเรื่องการจับขั้วการเมืองว่า เห็นมาเยอะแล้วที่จับมือกันแล้วแตกกัน เห็นแทบทุกครั้ง แต่สิ่งที่อยากจะคิดและฝันให้ประเทศคือ บ้านเมืองบอบช้ำเพราะความขัดแย้ง จึงอยากให้นำประเทศและประชาชนเป็นตัวตั้ง อะไรที่ทำให้ประเทศชาติเดินหน้าได้ ขอให้ยอมๆ กันบ้าง เพราะหากยังขัดแย้งทางความคิดและยังขัดแย้งรุนแรง ตนเชื่อว่าประเทศเดินหน้าไปไม่ไหว จะเห็นว่าขณะนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก และวันนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะให้ประเทศไทยกำลังพุ่งทะยานไป ดังนั้นอย่าให้ความขัดแย้งมาดึงเอาไว้ ตนมองว่าโอกาสและความท้าทายที่จะต้องไม่เป็นประเทศกำลังพัฒนามีสูงมาก จึงอยากให้ใช้เหตุผล ใช้สติ อย่าใช้อารมณ์ ดูว่าจุดไหนที่ประเทศไทยกำไรที่สุด ไม่ใช่พรรคการเมือง และเห็นว่าเป็นนักรบมาเยอะแล้ว บอบช้ำมาเยอะแล้วเช่นกัน และขอยืนยันว่าชีวิตนี้จะไม่เปลี่ยนชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคก้าวข้ามความขัดแย้ง หากยังขัดแย้งกันอยู่ ประเทศก็เจ๊ง อยู่ๆ ก็มีคนมาขีดเส้นว่าตรงนั้นสีนั้น ตรงนี้สีนี้ จึงเห็นว่าหากข้ามขั้ว หรือทำอะไรก็ตาม แล้วประชาชนมีความสุข ประเทศชาติเจริญ ก็ควรจะทำ แต่ขออย่างเดียวคือ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับสถาบัน
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่พรรคยึดถือเป็นหัวใจ คือ ประชาชน และเจตนารมณ์ของประชาชนผ่านโพลเห็นชัดว่าต้องการการเปลี่ยนแปลง พรรคยังมีเป้าหมายที่จะต้องตั้งรัฐบาลให้ได้ และเมื่อเข้ามาต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้นการจะไปสู่เป้าหมายต้องมีแผนรุกแผนถอย มีแผนเยอะๆ เอาไว้ไม่มีใครปิดทางตัวเอง.- สำนักข่าวไทย