14 มี.ค. – 21.30 น. ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อม พ.ต.ท.คลั่ง และให้วิดีโอคอลคุยกับแม่ และอดีตภรรยา รวมถึงลูก แต่สารวัตรกานต์ กลับไม่ตอบรับ บอกว่าขอใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่ต้องมายุ่ง จากนั้นตำรวจได้พยายามเจรจาเกลี้ยกล่อม พูดให้กำลังใจ และให้พูดระบายความอัดอั้นในใจออกมา ระหว่างนี้ตำรวจได้ประสานทีมจิตแพทย์เข้ามาช่วยเกลี้ยกล่อมอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ พบว่าในบ้านของ พ.ต.ท. คนดังกล่าว มีทั้งปืนและมีด จึงไม่สามารถเข้าไปภายในบ้าน หรือชาร์จตัวได้ เจ้าหน้าที่พยายามใช้วิธีละมุนละม่อมให้มากที่สุด
เจ้าหน้าที่ยอมรับยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้เมื่อไหร่ เนื่องจากคนสนิทของตำรวจที่คลุ้มคลั่งให้ข้อมูลว่า อาการคลุ้มคลั่งแบบนี้มักเป็นบ่อยครั้ง จากนั้นจะค่อยๆ เย็นลง แต่ขอให้ได้ระบายหรือพูดและมีคนรับฟังก็จะสงบลง
จากการตรวจสอบประวัติรักษาอาการจิตเวช ไม่พบว่าตำรวจรายดังกล่าวเข้ารับการรักษาตามสิทธิ์
21.55 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมเพื่อกำหนดยุทธวิธี โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ร่วมหารืออย่างเคร่งเครียด ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่คอมมานโดและอรินทราช26 ได้เข้าประจำจุดเพื่อปฏิบัติตามแผน ซึ่งเป็นการเตรียมการหากมีการยิงแก๊สน้ำตาครั้งที่ 2 จะต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อให้เกิดความปลอดภัยที่สุด
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. กล่าวภายหลังการประชุมหารือกับชุดทำงานเกลี้ยกล่อมว่า ยืนยันจะไม่ทำตามกระแสสังคมที่ให้เร่งดำเนินการชาร์จตัว เพราะการใช้ชุดจู่โจมไม่ได้แปลว่าจะมีการชาร์จตัวเข้าจับกุมเพียงอย่างเดียว เพราะตามยุทธวิธีมีขั้นตอนหลากหลาย ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่ใช้แก๊สน้ำตาชุดที่ 2 อีก แต่ได้เตรียมไว้ เพราะต้องการให้ทางผู้ก่อเหตุมีท่าทีอ่อนลง โดยประสานให้นักจิตเวช นักจิตบำบัดมาคุย ขอให้ได้ระบาย ถ้าพูดระบายเสร็จเป็นผล เจ้าหน้าที่จะพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง
การเจรจาที่ผ่านมา ผู้ต้องหาบอกเครียดเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงาน ซึ่งผู้บังคับบัญชาเห็นพฤติกรรมแล้วว่ามีอาการป่วยและไม่ได้กินยาต่อเนื่อง จึงเฝ้าระวังและพยายามให้การรักษามาตลอด แต่การขาดยาทำให้มีอาการดังกล่าว
สุดท้ายขอฝากไปถึงประชาชน อย่าเพิ่งเข้าไปที่พักใกล้จุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ประสานกับทางสำนักงานเขตสายไหม เพื่อหาที่พักผ่อน และขอให้ตำรวจดำเนินการให้เบ็ดเสร็จก่อน. – สำนักข่าวไทย