กรุงเทพฯ 21 ม.ค. – การรถไฟฯ แจงประเด็นในโซเชียล กรณีปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทางของขบวนรถทางไกลมาให้บริการที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ยืนยันสถานีฯ มีความพร้อม และเตรียมระบบการเดินทางเชื่อมต่อไว้ครบครัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับเรื่องการย้ายการให้บริการขบวนรถไฟทางไกล ของการรถไฟฯ ซึ่งเริ่มให้บริการที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมานั้น พบว่ามีข้อมูลหลายประเด็นที่มีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงขอชี้แจงในประเด็นต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องดังนี้
ประเด็นแรก กรณีนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ระบุว่าการเปิดให้บริการรถไฟทางไกล 52 ขบวน ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ขณะที่สถานียังไม่มีความพร้อม
ข้อชี้แจงประเด็นดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีความพร้อมและเปิดให้บริการแก่ประชาชนมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งบริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง รวมถึงการเปิดเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ระยะเวลาถึง 447 วัน มีประชาชนเข้าถึงบริการวัคซีนมากถึง 3.5 ล้านคน ดังนั้น การที่ระบุว่าสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ไม่มีความพร้อมจึงไม่ถูกต้อง เพราะมีผู้เข้าใช้บริการแล้วนับล้านคน
ที่สำคัญสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สามารถให้บริการแก่ ประชาชน ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย ทั้งรถไฟฟ้า รถโดยสารประจำทางเชื่อมต่อหลายเส้นทาง อีกทั้งยังเป็นสถานีรถไฟที่ออกแบบเพื่อมวลชน (Universal Design) สะดวกสบาย ปลอดภัย ครอบคลุมทุกคนเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะการสร้างให้มีชานชาลาสูง (110 ซม.) สะดวกต่อการขึ้นลงขบวนรถ โดยพื้นชานชาลาอยู่ระดับเดียวกับพื้นรถ
นอกจากนี้ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ยังได้เป็นต้นแบบสถานีอัจฉริยะ 5G แห่งแรกในอาเซียน ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยจำนวนมาก อาทิ หุ่นยนต์ต้อนรับ SRT Bot วีลแชร์อัจฉริยะ กล้องวงจรปิดอัจฉริยะดูแลความปลอดภัย ขณะเดียวกันยังมี บันไดเลื่อน เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ศูนย์อาหาร ที่จอดรถสำหรับคนพิการ ลิฟท์ ห้องสุขาที่ทันสมัย และเพียงพอ รวมถึงมีระบบปรับอากาศของชั้นจำหน่ายตั๋วโดยสาร และจุดพักรอ เป็นต้น
ประเด็นที่ 2 การย้ายขบวนรถไฟทางไกล 52 ขบวน จากสถานีหัวลำโพงไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เป็นการสร้างภาระ ค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน เพราะต้องใช้บริการระบบขนส่งอื่นๆ เพื่อเดินทางมาสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
รฟท. ขอชี้แจงว่า สำหรับเหตุผลในการปรับเปลี่ยนสถานีต้นทาง-ปลายทางของขบวนรถไฟทางไกล มาให้บริการ ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์นั้น เป็นการดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการก่อสร้างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่จะให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งระบบรางของประเทศ โดยเป็นแผนที่มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปีแล้วตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติโครงการเมื่อปี 2553 และเริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2556 ที่สำคัญอยู่ในช่วงที่นายประภัสร์ เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟฯ ด้วย ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของการรถไฟฯ ในยุคนี้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ในสมัยที่นายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2555 ก็ได้มีการสนับสนุนการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อหรือสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และยังเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการแก้แบบสถานีกลางบางซื่อ แต่เพราะเหตุใดในตอนนี้นายประภัสร์จึงกลับมาคัดค้านไม่ให้เปิดให้บริการรถไฟทางไกลที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นแผนที่วางไว้เดิมตั้งแต่เริ่มการก่อสร้าง
การรถไฟฯ และกระทรวงคมนาคม ได้ตระหนักถึงประเด็นดังกล่าว และได้มีการบูรณาการความร่วมมือ จัดสิ่งอำนวยความสะดวกดูแลการเดินทางของประชาชนระหว่างทั้ง 2 สถานีอยู่แล้ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่าย โดยมีมาตรการช่วยเหลือดูแลผู้โดยสารทั้งรถไฟฟ้า และรถโดยสารสาธารณะฟรี ดังนี้
- ผู้ใช้บริการรถโดยสายทางไกล กลุ่มขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน และรถเร็ว ที่ซื้อตั๋วโดยสาร ลงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แต่ประสงค์จะลงสถานีหลักสี่ สถานีบางเขน สามารถใช้ตั๋วโดยสารเดิมขึ้นรถไฟฟ้าสายสีแดงที่สถานีดอนเมืองได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นเวลา 1 ปี
- ผู้ใช้บริการรถโดยสารเชิงสังคม สามารถใช้ตั๋วโดยสารรถไฟทางไกล ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นเวลา 1 ปีเช่นกัน โดยต้องเป็นผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วประเภทตั๋วเดือน ในสถานีหลักสี่ สถานีบางเขน ที่หยุดรถกม.19 ที่หยุดทุ่งสองห้อง และที่หยุดรถกม.11 ที่รถไฟไม่จอดให้บริการ
การรถไฟฯ ยังประสานกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถ Shuttle Bus และรถประจำทาง รับ-ส่งผู้โดยสารตามสถานีรถไฟรายทาง ตั้งแต่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-สถานีหัวลำโพง เหมือนนั่งรถไฟปกติ โดยให้บริการฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 2 เส้นทาง ซึ่งผู้โดยสาร สามารถแสดงตั๋วรถไฟต่อพนักงานเก็บค่าโดยสารเมื่อใช้บริการ สามารถขึ้นรถได้ที่ประตู 12 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และป้ายรถเมล์สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ดังนี้
- จัดเดินรถ Shuttle Bus ให้บริการฟรี เส้นทางบนทางด่วน “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)” จำนวน 6 คัน ตั้งแต่เวลา 04.30 – 23.00 น. เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟ ทั้ง 2 แห่ง
- จัดเดินรถเฉพาะกิจให้บริการฟรี เส้นทางปกติ “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)” เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานีรถไฟสามเสน สถานีรถไฟโรงพยาบาลรามาธิบดี สถานีรถไฟยมราช และสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) คือ
- จัดรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู จำนวน 10 คัน โดยมีท่าต้นทาง 2 แห่ง คือ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)
- จัดเดินรถโดยสาร ตั้งแต่เวลา 04.30 – 00 น. ปล่อยรถคันแรกจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 04.30 น. มีความถี่ในการปล่อยรถทุก 15 นาที ในช่วงเวลาเร่งด่วน (04.30 – 10.00 น. และ 16.00 – 18.00 น.) ส่วนช่วงเวลาปกติมีความถี่ในการปล่อยรถทุก 30 นาที ทั้งนี้ เฉพาะวันที่ 19 มกราคม 2566 จัดเดินรถโดยสารตั้งแต่เวลา 12.00 – 23.00 น.
อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง การรถไฟฯ ขอเรียนเพิ่มเติมว่า โดยปกติขณะที่มีการเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกลมายังสถานีหัวลำโพง ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็จะมีการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะอื่นเพิ่มเติม เพื่อเดินทางไปที่หมายอยู่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งมามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเฉพาะการย้ายมาที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แต่ในช่วงเริ่มอาจต้องปรับตัวบ้างเพื่อให้เกิดความคุ้นชินกับเส้นทางเท่านั้น ซึ่งยืนยันบริเวณโดยรอบสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีระบบคมนาคมขนส่งที่ครบถ้วนทุกระบบ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถโดยสารสาธารณะ จึงมั่นใจได้ว่าในอนาคต สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จะเป็นสถานีปลายทางที่ประชาชนได้รับความสะดวกไม่น้อยกว่าสถานีหัวลำโพงอย่างแน่นอน .-สำนักข่าวไทย