19 ม.ค. – “เม-พรีมายา” มอบตัว หลังถูกออกหมายจับ ตาม พ.ร.บ.คอมฯ อ้างลงทุน 6,000 บาท กำไร 15 ล้านบาท ในเวลา 3 เดือน
จากกรณี เมื่อช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านซีอีโอสาวคนดังในโลกโซเชียลที่รู้จักกันดีในชื่อ “เม-พรีมายา” หรือนางสาวพิชญ์นรี เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า เม พรีมายา เจ้าของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ชื่อแบรนด์ PRIMAYA และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในความผิด โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน โดยเชิญชวนอ้างว่าลงทุน 6,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ได้เงิน 15 ล้านบาท นั้น
ดเมื่อเวลา 16.00 น. “เม-พรีมายา” พร้อมทนาย เข้ามามอบตัวกับ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อมเปิดใจว่า ได้เข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 7 ปี เป็นคนทำงานและพัฒนาตัวเองในเส้นทางนี้ โดยยอมรับว่าแม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเรื่องใดเรื่องหนึ่งบ้าง ตัวเองก็พร้อมแก้ไขและทุกอย่างจะเป็นไปตามกระบวนการพิสูจน์ความจริง ซึ่งบางอย่างคนทำงานอย่างตัวเอง อาจจะผิดข้อตกลงหรือกฎกติกาบ้าง ก็ไม่รู้จริงๆ แต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะหลอกลวงใครในการทำงานทุกๆ วันนี้
ส่วนประเด็นการโฆษณาชวนเชื่อลงทุน 6,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ได้เงิน 15 ล้านบาทนั้น เม-พรีมายา ระบุว่าไม่ใช่โฆษณาคำชวนเชื่อ ทุกอย่างได้ให้การกับทางตำรวจแล้ว โดยธุรกิจของตัวเองไม่ได้สร้างเรื่องหลอกหรือชวนเชื่อแต่อย่างใด ซึ่งเชื่อว่าวันหนึ่งทุกอย่างจะปรากฎขึ้นเอง
ขณะที่ “นิ่ม” เครือข่ายรายใหญ่และคนสำคัญทางภาคใต้มีส่วนร่วมในการสร้างเรื่องหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มีผู้อื่นเกี่ยวข้อง
เมื่อถาม น.ส.พิชญ์นรี ถึงประเด็นผลกำไรที่ยื่นต่อพาณิชย์พบว่าไม่สอดคล้องกับที่โฆษณาสื่อโซเชียล และเงินลงทุนเป็นเงินผิดกฎหมายหรือไม่นั้น ยืนยัน “ไม่จริง” เพราะตัวเองทำงานอยู่หน้าบ้าน ไม่ได้รู้ดีเทลทุกอย่าง และจุดเล็กๆน้อยๆ ตัวเองไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ได้รับผิดชอบในส่วนนี้ “ที่ผ่านมาชีวิตตัวเองสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคมและคนรอบข้างตลอด”
ด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ผบช.สอท. เปิดเผยว่า คดีนี้สืบเนื่องจากที่มีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ 1 ราย ประกอบกับตำรวจไซเบอร์ได้รับนโนบายให้ดำเนินการตรวจสอบเพจที่มีการชักชวนลงทุนเกินความเป็นจริง จนได้ไปพบว่า “พรีมายา” เข้าข่ายกรณีดังกล่าว ตำรวจจึงได้ตรวจสอบและหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม จนสามารถขอศาลอนุมัติออกหมายจับได้เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา และต่อมาพบว่าญาติของนางสาวพิชญ์นรี หรือ เม พรีมายา เจ้าของแบรนด์ และหนึ่งในผู้ที่ถูกออกหมายจับ กำลังจะออกนอกประเทศ ทำให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. สกัดจับ และทางตำรวจไซเบอร์จึงต้องปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาที่เหลืออย่างเร่งด่วน แม้จะยังไม่มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ แต่ก็เป็นการปฏิบัติการก่อนที่จะเกิดความเสียหายขึ้น
ด้าน พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่าพฤติการณ์เป็นการโพสต์เชิญชวนลงทุนจำนวนเงิน 6,000 บาท และจะได้กำไร 15 ล้านบาท ภายใน 3 เดือน ซึ่งตำรวจไซเบอร์ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 11 หมาย และจับกุมได้ 4 คนแล้ว ส่วนที่เหลือจะเร่งจับกุมได้ครบภายในสัปดาห์นี้ หนึ่งในนี้ก็มีหน้าม้าที่เป็นต้นโพสต์ เชิญชวนมาลงทุนจนทำให้แบรนด์พรีมายาโด่งดัง ซึ่งตำรวจจะต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยได้อายัดเครื่องคอมพิวเตอร์และบัญชีธนาคารมาตรวจสอบ ว่าเป็นการหลอกลงทุนเกินจริงหรือไม่ ขณะที่รายงานการเสียภาษีเองก็ไม่ได้สอดคล้องกับผลกำไรที่โฆษณา
แต่เบื้องต้นแจ้งข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ก่อน ส่วนข้อหาอื่นอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม ว่าลงทุนได้กำไรตามคำโฆษณาจริงหรือไม่ เป็นการลงทุนในลักษณะหลอกลวงหรือไม่ ขณะที่แฟนหนุ่มของเม ไม่ได้ถูกออกหมายจับ เพราะไม่ใช่ผู้โพสต์ชักชวนลงทุน ส่วนหลังจากนี้ก็จะมีการขยายผลตรวจสอบเพจชักชวนลงทุนอื่นๆ ที่มีลักษณะชวนลงทุนเกินจริงเพิ่มเติม
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เส้นทางการเงินของพรีมายา เชื่อมโยงกับดารานักแสดงกลุ่มนึง ตำรวจไซเบอร์ก็ขอดูพยานหลักฐานเพิ่มเติมก่อน ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยียืนยันว่าที่มีการแชร์เรื่องจะมอบรางวัลนำจับ 5 แสนบาท ให้ผู้แจ้งเบาะแสจับ “เม-พรีมายา” ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้มีการตั้งรางวัลนำจับดังกล่าว แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นเฟคนิวส์. -สำนักข่วไทย