กทม. 12 ม.ค. – ฟ้องกันนัว! อัยการเร่งตำรวจสอบหาหลักฐานเพิ่ม อดีตรองนายกฯ ฟ้องสาวคนสนิท คดีฉ้อโกง ด้านทนายตั้ม พาผู้เสียหายแจ้งดำเนินคดีอดีตรองนายกฯ ข้อหาแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา และให้การเท็จ
จากกรณีอดีตรองนายกรัฐมนตรี ส่งทนายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ 4 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย หญิงสาวที่ตกเป็นข่าว สามีของหญิงสาว บิดาและมารดาของหญิงสาว เมื่อวันที่ 22 พ.ย.65 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง เรียกคืนสินสอดและทรัพย์ที่ไปสู่ขอรวมกว่า 19 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1-3 เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.65 แต่บิดาหญิงสาวไม่มารับทราบข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนจึงขอหมายจับ โดยศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับเมื่อ 5 ม.ค.66 และวันที่ 10 ม.ค. พนักงานสอบสวนได้นัดผู้ต้องหาที่ 1-3 เพื่อนำตัวส่งฟ้องอัยการตลิ่งชัน ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 ยังหลบหนี
วันนี้ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พาผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตสามีของหญิงสาวคนสนิทอดีตรองนายกฯ เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตรองนายกรัฐมนตรี ในข้อหาแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา และให้การเท็จ
นายษิทรา กล่าวว่า ข้อหาที่อดีตรองนายกฯ แจ้งความดำเนินคดีกับผู้เสียหาย ไม่เป็นความจริง เป็นการแต่งเติมข้อเท็จจริงเพื่อให้เข้ากับข้อกฎหมาย ให้สามารถเรียกเงินหรือทรัพย์สินคืนจากฝ่ายหญิงได้ เช่น การไปสู่ขอหรือการหมั้นหมาย ก็ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น รวมถึงการให้ทรัพย์สินเป็นเงินเพื่อไปซื้อคอนโดก็ไม่เป็นความจริง จากการตรวจสอบพบว่าการซื้อคอนโดดังกล่าว ฝ่ายหญิงซื้อตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนจะรู้จักกับอดีตรองนายกฯ คนดังกล่าว ซึ่งทั้งคู่รู้จักกันเมื่อปี 2565 ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าอดีตรองนายกฯ ได้ให้ทรัพย์หรือเงินให้กับฝ่ายหญิงบ้างในฐานะชู้รัก แต่เชื่อว่าไม่ได้มากถึง 19 ล้านบาท ตามที่มีข่าวออกมา
นอกจากนี้ยังสืบทราบข้อมูลว่าอดีตรองนายกฯ ได้ใช้เล่ห์กล โดยการไปจดทะเบียนหย่ากับภรรยาล่วงหน้า 1 ชม. ก่อนการแถลงข่าวของตน คือวันที่ 9มกราคม ที่ว่าการอำเภอสามพราน จ.นครปฐม เวลา 08.53 น. เรื่องดังกล่าวหากอดีรองนายกฯ ยอมรับว่าทำผิดพลาดไปแล้ว ออกมารับผิดชอบอย่างลูกผู้ชายคดีก็คงจบไปแล้ว แต่กลับมาโยนให้คนอื่นโดนคดีฉ้อโกงอีก ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้เป็นขบวนการตบทรัพย์ หากมีจริงต้องมีการเจรจาต่อรองเรียกทรัพย์สินอื่นก่อนนำเรื่องมาเปิดเผย
ส่วนกระแสข่าวว่าอดีตรองนายกฯ คบผู้หญิงคนนี้มา10 ปี มีการให้เงินไปทำศัลยกรรม เลี้ยงดูมานาน ก็ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และก่อนหน้านี้หญิงดังกล่าวไม่ได้มีอาชีพเป็นแคดดี้
ส่วนที่มีหลายฝ่ายตั้งสงสัยว่า การที่ฝ่ายหญิงถ่ายรูปกับอดีตรองนายกฯ ไว้นั้นมีเจตนาต้องการแบล็กเมลหรือไม่ ทนายตั้ม มองว่าไม่น่าจะใช่ เพราะจากข้อมูลพบว่าเป็นการถ่ายรูปให้กันทั้งสองฝ่าย เพราะอดีตรองนายกฯ ก็ถ่ายรูปในลักษณะดังกล่าวเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ส่วนอดีตสามี มีการฟ้องชู้ เรียกเงิน 25 ล้านบาทนั้น เป็นเพียงการพูดลอยๆ ซึ่งยอมรับมีการฟ้องเรียกค่าเสียหายไปจริง แต่ไม่ถึง 25 ล้านบาท พร้อมระบุว่าตนเองมีหลักฐานว่าอดีตรองนายกฯ รู้ว่าฝ่ายหญิงมีสามีอยู่แล้ว และทั้งสองก็รู้เห็นเป็นใจกันตลอด ส่วนอดีตสามีของฝ่ายหญิงยืนยันว่าไม่รู้ และทันทีที่รู้ก็ได้ขออย่าทันที ส่วนภาพและคลิปหลักฐานสามีของฝ่ายหญิงได้แอบเข้ารหัสและนำออกมา เนื่องจากฝ่ายหญิงมีพิรุธและจะหวงโทรศัพท์ มีการตั้งรหัสจากแต่ก่อนไม่ตั้ง จนพบว่ามีการคบชู้จริง
ทนายตั้มยอมรับขณะนี้ยังรู้สึกกังวลเรื่องอิทธิพล เนื่องจากอดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นคนมีชื่อเสียง มีพรรคพวก มีเงิน และเกรงว่าอาจมีการช่วยเหลือกันในทางคดี ทำให้ส่งผลต่อรูปคดีในอนาคตได้
อัยการสั่งสอบเพิ่มอดีตรองนายกฯ
ส่วนความคืบหน้าคดีอดีตรองนายกรัฐมนตรี แจ้งข้อหาฉ้อโกงกับกับอดีตสาวคนสนิท และครอบครัวรวม 4 คน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คดีนี้เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน ได้ยื่นคำร้องผัดฟ้องผู้ต้องหาครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.65 /ครั้งที่ 2 วันที่ 22ธ.ค.65 / ครั้งที่ 3 วันที่ 28 ธ.ค.65 / ครั้งที่ 4 วันที่ 3 ม.ค.66 และครั้งที่ 5 วันที่ 9 ม.ค.66 ซึ่งเป็นการฝากขังครั้งสุดท้าย และจะครบกำหนดวันสุดท้ายในวันที่ 15 ม.ค.นี้ โดยพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน สรุปสำนวนส่งให้อัยการคดีอาญาตลิ่งชัน 2 พิจารณาเมื่วันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานอัยการต้องพิจารณาสั่งคดีภายในวันที่ 15 ม.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเมื่อพนักงานอัยการตรวจคำให้การและพยานหลักฐานในสำนวนแล้ว พบว่าคำให้การของอดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้เสียหายยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ รวมทั้งหนึ่งในผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาให้อัยการพิจารณาด้วย ดังนั้นพนักงานอัยการจึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน สอบสวนเพิ่มเติมทั้งสองกรณี หากอัยการจะยื่นฟ้องคดีก็จะต้องขออนุญาตฟ้องจากอัยการสูงสุดตามกฎหมายก่อน. – สำนักข่าวไทย