ทำเนียบ 11 ม.ค.- นายกฯ มอบโอวาทให้เด็กและเยาวชน หวังเป็นอนาคตนำพาประเทศเดินไปสู่ ศตวรรษที่ 21 อย่างมีคุณภาพและสงบสุข ขอทุกคนดูแลผ้าขาว อย่าให้เปรอะเปื้อน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้โอวาทแก่เด็กและเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ จำนวน 987 คน ที่มาเข้าเยี่ยมคารวะ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2566
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวให้โอวาท ว่า ขอแสดงความยินดีและชื่นชมเด็กทุกคนที่ได้รับรางวัล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุกคนได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี จนเกิดการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง นำมา สู่การยอมรับและชื่นชมของสังคม จึงขอให้พัฒนาต่อไปเพื่อเป็นแบบอย่างแก่เยาวชนในอนาคต เพราะจะต้องก้าวเข้าสู่การเป็นคนรุ่นใหม่ ที่เจริญเติบโตอย่างแข็งแรงในวันข้างหน้า ที่มีอนาคตที่สดใสรออยู่ และขอให้ทุกคนเดินอย่างระมัดระวัง ในการศึกษาเล่าเรียนและให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ ปัจจุบัน จะเห็นว่าการที่คนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีอนาคต จำเป็นต้องได้บุคคลที่มีความสามารถที่หลากหลาย มีกระบวนการเรียนรู้ทางการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทุกวันนี้ ไทยเผชิญกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้เศรษฐกิจและสังคม ถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยมากขึ้น จึงขอให้มองไปยังภาพรวมในอนาคตข้างหน้า ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ซึ่งอาจมีทั้งสถานการณ์ที่ดีและเร็วร้าย ก็ต้องเตรียมความพร้อมให้ได้มากที่สุด เพื่อก้าวต่อไปในอนาคตอย่างมั่นคง ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน
นายกรัฐมนตรี ยังขอให้เด็กทุกคน มองไปถึงอนาคต ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนหาความรู้ และขอให้เรียนรู้ว่า เราจะร่วมมือกันอย่างไร ระหว่างคนรุ่นใหม่รุ่นกลางและรุ่นเก่า เพราะทั้งหมดคือคนไทยทั้งประเทศ ที่ย่อมมีความรักความห่วงแหนแผ่นดิน จึงขอให้ช่วยกันดูแลรักษา ด้วยจิตใจที่มั่นคง มีภูมิคุ้มกัน และหลักการที่ดีในการที่จะฟังหรือเชื่อสิ่งใด ว่าสิ่งนั้นจริงหรือไม่จริง ดังนั้นกระบวนการเรียนรู้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และเชื่อว่าเด็กรุ่นนี้คิดได้ ว่าเราจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยมั่นคงและมีอนาคตที่ดี โดยเริ่มจากตนเองครอบครัวชุมชนสู่ระดับประเทศ ซึ่งทุกคนต้องมีความเป็นหนึ่งเดียว ในการเดินหน้าประเทศไปสู่โลก ที่มีความเชื่อมโยงกันเป็นห่วงโซ่ อีกทั้งยังมีวิกฤติและโอกาส อย่างไร จึงต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้โอกาสนั้นไม่กลายเป็นวิกฤต คำนึงถึงอดีตการจะคิดหรือตัดสินใจใดๆ ก็ตามต้องคำนึงถึงอดีต ว่าเราจะเดินหน้าอย่างไร ให้ทุกคนได้รับประโยชน์ไปด้วยกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือการปรับทัศนคติของระบบการศึกษา ซึ่งต้องเน้นการศึกษาที่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ มีกระบวนการคิดวิเคราะห์เป็นขั้นตอน โดยยอมรับว่าอาจเป็นเรื่องยาก แต่สามารถดำเนินการได้ เชื่อว่าทุกคนมุ่งหวังที่จะไปสู่อนาคตที่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งการจะก้าวไปจุดนั้น ตัวเองเป็นส่วนสำคัญและมีครู พ่อแม่เป็นกลไกเสริม และนอกจากความรู้ที่ต้องมีติดตัวแล้ว ต้องมีทักษะการดำเนินชีวิตในสังคม สร้างความรักความสามัคคี เพื่อเป็นพลังที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนสังคม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้คือการมองไปข้างหน้า และเสริมสร้างทักษะในการประกอบอาชีพ โดยต้องคิดตั้งแต่ตอนนี้ว่าอยากจะทำอะไรและเดินไปสู่จุดนั้นได้อย่างมีความสุข แล้ววันนี้กำลังก้าวข้ามไปสู่ศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นโลกของ นวัตกรรมและปัญญา การจะมีความรู้และทักษะในหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจการเมืองสังคมและสิ่งแวดล้อม ถือเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต และในปีนี้ได้มอบคำขวัญวันเด็ก ว่า รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี นอกจากนี้รัฐบาลให้ความสำคัญ กับเด็กไทยยุคใหม่ คือการเตรียมการให้เด็กพร้อมก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 เพราะโลกวันข้างหน้าเป็นโลกของการแข่งขัน ซึ่งอาจมีความขัดแย้งของภูมิรัฐศาสตร์และการสู้รบ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งโลก ทั้งนี้ ต้องฝากความหวังไว้กับเด็กทุกคน ให้คิดให้กว้างไกล
นายกรัฐมนตรี คาดหวังว่าเด็กทุกคน ที่มาในวันนี้จะนำพาประเทศเดินหน้าได้อย่างสงบสุข ท่ามกลางหลากหลายโอกาส แต่ขออย่าทำให้เป็นความขัดแย้ง ด้วยกันบิดเบือน ขอฝากทุกหน่วยงานดูแลเด็ก ซึ่งเป็นผ้าขาวของเรา ต้องไม่ทำให้ผ้าเปรอะเปื้อนเป็นสีอื่น เพราะต้องการให้เป็นผ้าสีขาว เพราะต้องทำให้เป็นผ้าที่มีคุณภาพ ที่จะทำให้ บ้านเมืองสงบเรียบร้อยและปลอดภัยในวันข้างหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากการมอบรางวัลแล้วเสร็จ ก่อนเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรี ถ่ายรูปร่วมกับบรรดาครูและผู้ปกครองอย่างเป็นกันเอง ซึ่งบรรดาครูและผู้ปกครองก็ตื่นเต้นที่ได้พบนายกฯ โดยนายกรัฐมนตรีเอามือทุบอก จำนวน 3 ครั้ง ก่อนที่จะเชิญชวนผู้ปกครองเยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า.-สำนักข่าวไทย.