ออกหมายเรียก 13 คน มีชื่อหน้าซองเงินในห้องอธิบดีกรมอุทยานฯ

กรุงเทพฯ 4 ม.ค.- ตำรวจ ปปป.ออกหมายเรียก 13 คน ที่ปรากฏชื่อหน้าซองรับเงินในห้องอธิบดีกรมอุทยานฯ เข้าให้ปากคำ ส่วนพยาน 17 ปาก จ่อให้ปากคำวันศุกร์นี้ ยืนยันเร่งขยายผล รวมถึงประเด็นเงินส่งต่อให้ใครหรือไม่ พร้อมเผยไทม์ไลน์เรื่องร้องเรียนอธิบดีกรมอุทยานฯ จนนำไปสู่การจับกุม


หลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ปปป. ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ทุกคนไม่ต้องกังวล คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกไปไม่มีมุมไหนที่มีการปกปิด ท่านปล่อยคลิปออกไปแสดงว่าท่านตั้งใจทำหน้าที่และอยากให้สังคมรับรู้ วันนี้ที่มาพบพนักงานสอบสวนให้การเพิ่มเติมไว้ทั้งหมด พร้อมยื่นเอกสาร 53 แผ่นที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงเกี่ยวกับซอง และจะยื่นพยานอีก 17 ปาก ซึ่งมาให้ข้อมูลวันศุกร์ที่ 6 มกราคมนี้ ส่วนวันนี้ผมมาคนเดียว และพยานอีก 1 ปาก ให้ปากคำในช่วงบ่าย ส่วนซองพนักงานสอบสวนได้สอบถามรายละเอียดว่ามีใครบ้าง ทั้งหมดอีก 13 รายชื่อ มีทั้งผู้อำนวยการสำนักลงไปถึงหัวหน้าหน่วยงาน

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของตนมีผู้ที่จะเข้าให้ข้อมูลทั้งหมด 19 คน รวมตนเอง แบ่งเป็น 13 คน เป็นกรณีการรวมเงินที่เรียกรับรายเดือน 98,000 บาท ส่วน 4 คน เป็นผู้ที่เดือดร้อนในชุดแรกที่ร้องเรียนกับ ป.ป.ช. อีกหนึ่งคนเคยมีกรณีถูกโยกย้ายตำแหน่งโดยการจ่ายเงิน ก็จะมาให้ข้อมูลด้วย


นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีการเรียกรับมาแล้วกี่เดือน เพราะตนมารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนตุลาคม หลังจากนั้นก็มารับทราบปัญหาในสังกัด คือ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี มีเรียกเงินตั้งแต่เดือนตุลาคม รวมเป็นเงิน 98,000 บาท ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการนำเงินส่วนตัวที่หาได้ในครอบครัว หรืออาจเป็นเงินกู้สหกรณ์ เงินที่หาได้ นำไปจ่ายก่อน เพราะงบประมาณส่วนราชการเงินเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายนเงินยังไม่ออก เงินที่สัญญากันว่าหรือตกลงกันไว้ เป็นเงินส่วนตัวไม่ได้มาจากเงินงบประมาณ ที่ผมอยู่กับลูกน้อง ยืนยันได้ว่าลูกน้องไม่กล้า ทำเพราะเงินงบประมาณที่มีอยู่ไม่พอทำงาน ลูกน้องที่จะไปทุจริตต่องบประมาณที่มีเป็นไปไม่ได้

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน่าสงสารยอมจ่ายกันหน่วยละ 2,000 บาท รวมเป็นเงิน 12,000 บาท ซึ่งเป็นเงินของเดือนตุลาคม มีหัวหน้าหน่วยงานหลายคนที่ถูกรังแก ต้องหาเงินมาจ่ายแบบนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับในสำนวนและในซองที่ประสานงานมาให้ปากคำกับ ปปป.เพิ่มมากกว่า 7 ปาก

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า นายชัยวัฒน์ มาให้การเพิ่มเติมกับ ปปป. ส่วนสำนวนคดีขอให้เป็นเรื่องของคดี วันนี้นายชัยวัฒน์ ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี พนักงานสอบสวนจะส่งหมายเรียกประมาณ 13 หมายเรียก ไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคำให้การ และผู้ที่ปรากฏชื่อ หน้าซองเงิน โดยจะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ เจ้าของซองสามารถมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อมาให้การได้ก่อน ถือว่าไม่มีความผิด เพราะการจับกุมใครสักคนต้องแสวงหาความร่วมมือ ผมสั่งไปแล้วให้ติดต่อรอบนอกด้วย และเร่งสอบให้เสร็จ และจะส่ง ป.ป.ช.โดยเร็ว ทั้งนี้ หมายเรียกพยานจะทยอยส่ง วันนั้นที่เราเข้าไปยืนยันว่าดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เมื่อให้ความร่วมมือ พยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ ยืนยันมีพยานหลักฐานสามารถเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐได้


เมื่อถามถึงประเด็นการไม่ขยายผลไปค้นบ้านพัก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ปปป.จะทำงานทุกมิติให้ได้ข้อเท็จจริง โดยจะทำงานอย่างเต็มที่ ปปป.และ ป.ป.ท.จะทำอะไรทุกอย่างจะต้องมีหลักฐานรัดกุมให้มากกว่านี้ เล่นกับพายุใหญ่ก็ต้องระมัดระวัง ไม่ใช่ไม่ขยายผล เราขยายผล แต่เราใช้วิธีการของเราในการขยาย ทำไปตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร เรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคลที่กระทำการไม่กระทำการ ถ้าเขาปฏิบัติตัวดีเรื่องก็ไม่เกิด ผมเชื่อว่ากรมอุทยานฯ อยู่มานานปัญหาไม่มี เมื่อบุคคลไปสร้างปัญหา ก็เป็นเรื่องของบุคคลก็ต้องว่ากันไป

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำเพิ่ม ส่วนเงินจะส่งต่อให้ใครอีกบ้าง ชุดสืบสวนทำงานอยู่ ฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับซองให้มาให้ปากคำ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพร้อมให้ความเป็นธรรม ยืนยันไม่มีการกลั่นแกล้ง ส่วนเรื่องคลิปขอแก้ข่าวว่าตำรวจกับ ป.ป.ช. ไม่ได้ปล่อยคลิป ผมจะทำทุกมิติให้กระจ่างให้ได้ว่าเป็นอย่างไร ยืนยันว่าจะทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีบิดเบี้ยวว่ากันด้วยพยานหลักฐาน อะไรที่เป็นของใครก็ต้องชี้แจงให้ได้ ชี้แจงไม่ได้ก็อาจจะตกเป็นจำเลยก็ได้ ส่วนหน้าซองสีน้ำตาลส่วนใหญ่ชื่อหน้าซองเป็นชื่อหน่วยงาน และมีชื่อบุคคลก็มีปะปนกันไป

สำหรับไทม์ไลน์ เรื่องร้องเรียนการทุจริตของอธิบดีกรมอุทยานฯ

1.วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ได้รับการแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

2.วันที่ 24 กรกฎาคม 2565 นายรัชฎา ลงนามในหนังสือแจ้งเวียนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ด่วนที่สุด ที่ ทส 0901.304/ว3952 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง ซักซ้อมแนวทางปฏิบัติการมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการ แจ้งให้ข้าราชการในสังกัดถือปฏิบัติ ดังนี้

2.1. กรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการในสังกัดที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ให้ปฏิบัติราชการตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายต่อไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

2.2. กรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการ หรือไปช่วยปฏิบัติราชการต่างสังกัด (ภายในกรม) รวมทั้งผู้ที่มาช่วยปฏิบัติราชการจากส่วนราชการอื่น ให้ปฏิบัติราชการตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายต่อไป จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565

2.3. กรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการทำหน้าที่ผู้อำนวยการส่วน หัวหน้ากลุ่ม และ/หรือ หัวหน้าหน่วยงานใดแล้ว ให้ผู้ซึ่งทำหน้าที่นั้นอยู่เดิม กลับไปปฏิบัติราชการต้นสังกัด หรือไปปฏิบัติราชการตามที่ได้รับมอบหมายต่อไป

2.4. ให้ผู้อำนวยการสำนักทุกสำนัก ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทุกสำนัก ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษาสาขา ผู้อำนวยการกองทุกกอง และหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกอื่นที่ขึ้นตรงต่ออธิบดี จัดทำคำสั่งมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการซึ่งกลับไปปฏิบัติราชการ ต้นสังกัดตามข้อ3 ทุกราย

3.วันที่ 28 กุมภาพันธุ์ 2565 นายรัชฎา มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายผู้อำนวยการสำนักสาขา ผู้อำนวยการส่วน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเกรด A (ขนาดใหญ่) ทั้งทางบกทางทะเล ทั่วประเทศ จำนวนหลายคำสั่ง และมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยออกคำสั่งแต่งตั้งทุก 3 วัน เป็นต้นมา

4.นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีการเรียกรับเงินในการโยกย้ายตำแหน่งของอธิบดีกรม อส. จากอดีตผู้บังคับบัญชา เพื่อน รุ่นน้อง จำนวนมาก

5.วันที่ 4 สิงหาคม 2565 นายชัยวัฒน์ มีหนังสือร้องเรียนขอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง (ในทางลับ) กรณีนายรัชฎา อธิบดีกรมอุทยานฯ มีพฤติกรรมทุจริต และปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบด้วยกฎหมายหลายประการ ถึงนายกรัฐมนตรี, เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และพลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา

6.วันที่ 15 สิงหาคม 2565 นายชัยวัฒน์ เข้าพบนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีการพูดคุยถึงการทุจริตเรียกรับเงินที่เกี่ยวข้องกับอธิบดีกรมอุทยานฯ ในการเรียกรับเงินวิ่งเต้น โยกย้ายข้าราชการในกรม ซึ่งนายจตุพร ระบุว่าตนไม่รู้ไม่เห็น และไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน หากมีหลักฐานให้นำมาแสดงและแจ้งตนได้เลย

7.วันที่ 3 ตุลาคม 2565 นายชัยวัฒน์ กลับไปทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ได้รับแจ้งจากผู้ใต้บังคับบัญชา อธิบดีมีการเรียกเก็บเปอร์เซ็นต์จากหัวหน้าหน่วยงาน

8.ปลายเดือนตุลาคม 2565 นายชัยวัฒน์ เข้าพบอธิบดีที่ห้องทำงาน จึงได้ทราบว่าอธิบดีมีการเรียกเก็บเงินจากหน่วยงานที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชาอยู่จริง และเงินดังกล่าวให้ตนเป็นผู้นำมาส่ง

9.วันที่ 22 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เรียกตนเพื่อสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกรณีที่มีการร้องเรียน อธิบดีกรมอุทยานฯ ตามหนังสือร้องเรียนลงวันที่ 4 สิงหาคม 2565

10.วันที่ 26 ธันวาคม 2565 นายชัยวัฒน์ ร่วมกับตำรวจ ปปป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อมูลพยานข้อเท็จจริง และมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนายรัชฎา ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

11.วันที่ 27 ธันวาคม 2565 ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) นำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. นำกำลังตำรวจพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชิญตัวนายรัชฎา มาที่ห้องทำงานอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมแจ้งเหตุ และตรวจสอบพบเงินที่ดำเนินการล่อซื้อและขยายผลตรวจพบเงินและเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับเงินดังกล่าว โดยตรวจยึดไว้เป็นของกลางจำนวน 21 รายการ เป็นเงินจำนวน 4,843,300 บาท พร้อมจับกุมตัวรัชฎา อธิบดีกรมอุทยานฯ ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”