สำนักงาน ป.ป.ช. 25 พ.ย.-ที่ประชุม ป.ป.ช. ตีตกข้อกล่าวหา “ยิ่งลักษณ์-ครม.” อนุมัติจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมือง ปี 48-53 ชี้ทำโดยชอบด้วยกฎหมายตามนโยบายที่แถลงสภาฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อไม่นานนี้ มีมติตีตกข้อกล่าวหาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับพวก รวม 36 ราย กรณีถูกกล่าวหาว่าจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ. 2548-2553 โดยไม่มีอำนาจและไม่มีกฎหมายรองรับ เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของตน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 66 และตามประมวลกฎหมายอาญา
สำหรับรายชื่อผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย 1. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 2. นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย และในฐานะประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) 3. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ 4. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง 5. พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ 6. นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกฯ และ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา 7. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 8. นางนลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
9. นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 10. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม 11. นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง 12. นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง 13. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ 14. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 15. นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ 16. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ 17. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม 18. พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม 19. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม 20. นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 21. น.อ.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 22. นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน 23. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์
24. นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ 25. นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย 26. นายฐานิสร์ เทียนทอง รมช.มหาดไทย 7. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม 28. นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน 29. นางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม 30. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 31. นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ 32. นายศักดา คงเพชร รมช.ศึกษาธิการ 33. นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข 34. นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข 35. ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม และ 36. นายปกรณ์ พันธุ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
ทั้งนี้ ในการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ประชุมในวันดังกล่าวมีกรรมการร่วมประชุม 6 ราย มี 2 รายไม่ได้เข้าร่วมการประชุม โดยที่ประชุม ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า ในประเด็นการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ. 2548-2553 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริง ที่เห็นว่าเมื่อปรากฏการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ. 2548-2553 ไม่มีกฎหมายรองรับให้จ่าย การจ่ายเงินแผ่นดินดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนประเด็นเมื่อการจ่ายเงินเยียวยาฯ ไม่มีกฎหมายรองรับให้จ่าย ผู้ถูกกล่าวหาต้องรับผิดทางอาญาหรือไม่นั้น เห็นว่ากรณีของนายสุชาติ ธาดาธํารงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี และนายวิรุฬ เตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ได้อยู่ร่วมในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ลงมติ ประกอบกับมิได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมายให้นํานโยบายเกี่ยวกับการเยียวยาฯ ไปปฏิบัติให้บรรลุผล บุคคลทั้ง 3 จึงไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าได้กระทําการอันมีมูลตามข้อกล่าวหา จึงให้ข้อกล่าวหาตกไป
ส่วนการกระทําของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เหลืออีกรวม 30 ราย ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า แม้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 30 ราย จะร่วมลงมติในวันดังกล่าว แต่เป็นการทําหน้าที่ในฐานะองค์กรบริหารหรือคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการกระทําตามอํานาจหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 174 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และเมื่อผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 30 ราย มิได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมายให้นํานโยบายเกี่ยวกับการเยียวยาฯ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติไปปฏิบัติให้บรรลุผล ผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่มีอํานาจหน้าที่ ไม่อาจกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาตามที่ถูกกล่าวหาได้ กรณีไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าได้กระทําการอันมีมูลตามข้อกล่าวหา ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ส่วนการกระทําของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.กระทรวงการคลัง ที่ประชุมเสียงข้างมาก จํานวน 5 เสียง เห็นว่าการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ. 2558-2553 เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่คณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ว่าจะเยียวยาและฟื้นฟูแก่บุคคลทุกฝ่ายซึ่งได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากความเห็นที่แตกต่าง สอดรับกับความเห็นของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่เสนอให้ใช้มาตรการพิเศษที่ไม่ยึดติดอยู่กับสิทธิที่มีอยู่ตามกรอบของกฎหมายและแนวปฏิบัติของหน่วยงานและองค์กรที่ดําเนินการในกรณีปกติ
ดังนั้น การกระทําของนายยงยุทธ ซึ่งมีบทบาทเป็นผู้เสนอหลักเกณฑ์และวิธีการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินต่อคณะรัฐมนตรี และการกระทําของนายกิตติรัตน์ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสํานักงบประมาณและกระทรวงการคลัง จึงเป็นการกระทําอันเป็นผลโดยตรงมาจากนโยบายที่คณะรัฐมนตรีได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นเรื่องทางรัฐประศาสโนบาย หรือเป็นการกระทําในทางการเมือง ซึ่งอยู่ในอํานาจของคณะรัฐมนตรีที่จะกระทําได้ ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 ราย จึงมิได้มีเจตนาพิเศษที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ประกอบกับการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ชุมนุมทางการเมืองฯ มิได้จ่ายให้แก่เหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งโดยเฉพาะ จึงมิได้เป็นการเลือกปฏิบัติแก่ผู้ชุมนุมกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นการจ่ายเงิน เพื่อเยียวยาแก่ผู้ชุมนุมโดยเสมอภาคทั่วหน้ากัน กรณีไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าได้กระทําการอันมีมูลตามข้อกล่าวหา ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ส่วนการกระทําของนายปกรณ์ พันธุ เมื่อครั้งดํารงตําแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และในฐานะประธานคณะทํางานช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรม ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นายปกรณ์ เมื่อครั้งดํารงตําแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และในฐานะประธานคณะทํางานช่วยเหลือเยียวยาด้านเงินตามหลักมนุษยธรรม มีหน้าที่ในการดําเนินการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง พ.ศ. 2548-2553 และเป็นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในนโยบายเรื่องการเยียวยาแก่ผู้ชุมนุมทางการเมืองฯ เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานว่าในการทําหน้าที่เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดตอบแทน หรือกระทําโดยมีเจตนาทุจริต หรือเจตนาทําให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ดังนั้น เมื่อไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าได้กระทําการอันมีมูลตามข้อกล่าวหา ให้ข้อกล่าวหาตกไป.-สำนักข่าวไทย