9 พ.ย. – คดีวัยรุ่นอายุ 18 ฆ่าเพื่อนรุ่นน้องวัย 14 ปี กำลังร้อนระอุ หลังผู้ก่อเหตุนำเรื่องราวดังกล่าวไปโพสต์โชว์กร่างในโซเชียลอย่างไร้สำนึก ล่าสุดถูกแจ้งข้อหาเจตนาฆ่าเพิ่มเติม
จากคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นของวัยรุ่น 18 ที่พูดถึงเหตุการณ์การทำร้ายร่างกายเด็กชายวัย 14 ปี จนเสียชีวิต ซึ่งโลกโซเชียลกำลังให้ความสนใจจำนวนมาก ในคลิปวัยุร่น 18 ปี บอกว่า มั่นใจตัวเองไม่ผิด จึงไม่หนี บ้านผมรวย พ่อผมช่วยผมตลอด ถ้าอยากมีเรื่องกันก็ไปฟ้องศาลเอา แล้วให้ญาติผู้ตายไปหาหลักฐานมาว่าตัวเองผิดยังไง จะผิดก็แค่ทำร้ายร่างกาย โดนแค่ไม่กี่ปี
และยังอ้างว่า ตัวเองฉลาด รู้กฎหมาย งานศพก็ช่วยเท่าที่ไหว ช่วยมากสุด 2,000 แต่ไม่สน ทำไมจะต้องเสียเงิน ผมขายยา ขายปืน ตำรวจเอาเรื่องผมไม่ได้ หลักฐานไม่มี ตำรวจก็จับไม่ได้ ผมเป็นเด็กฉลาด ผมดูแลตัวเองได้ อายุ 18 โตแล้ว ไม่ต้องมาสอน
ทีมข่าวสำนักข่าวไทย ได้ติดต่อสอบถามทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ซึ่งได้ให้ความเห็นว่า กรณี ของคดีวัยรุ่น 18 ปี ฆ่าเด็ก 14 ปี หากมีการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยแล้ว และปรากฏมีคลิปเสียง และจำเลยวัยรุ่น 18 รายนี้ ไปพูดตามคลิปเสียงนี้ และโพสต์ในลักษณะว่า จะรอดคดี พ่อแม่ช่วย ตำรวจจับไม่ได้ มีทนายเขียนสำนวนดี รวมทั้งการโพสต์ในลักษณะท้าทายญาติฝ่ายผู้เสียชีวิตว่า ให้เวลา 3 วัน ถ้าสิ่งที่พูดทั้งหมดนี้ทำจริง แล้วมีการปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้ว ประเด็นนี้ ขอให้พนักงานสอบสวนในคดี ไปร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว เพราะมีลักษณะทั้งการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และการยุ่งเกี่ยวกับหลักฐาน พยาน ข่มขู่พยาน หรือไม่
สำหรับประเด็นสำคัญ ในคดีเด็ก 18 ฆ่าเด็ก 14 มีอยู่ 7 ประเด็นสำคัญคือ วัยรุ่นอายุ 18 ปี ฆ่า เด็กอายุ 14 ปี วัยรุ่น 18 ปี บอกเด็กถือมีดออกมาก่อน พยานเห็นบอกเด็ก 14 ไม่ได้ถือมีด วัยรุ่น 18 ประกันตัวออกมา 20,000 เด็ก 18 ข่มขู่พี่เด็ก 14 วัยรุ่น 18 ไม่มีความสำนึกใด บอกตัวเองรวย ขายยา พ่อแม่สนับสนุน จะรอดคดี และวัยรุ่น 18 มั่นใจว่าไม่ผิด และจะช่วยงานศพ แค่ 2,000
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พ.ย. คลิปจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์วันเกิดเหตุ ขณะที่วัยรุ่นชายอายุ 18 ปี (เสื้อสีดำ) ตะโกนโวยวาย ก่อนเข้าไปทำร้ายเด็กชายอายุ 14 ปี ซึ่งอยู่หลังกล้องวงจรปิด ขณะคนที่เห็นเหตุการณ์พยายามเข้าไปห้ามปราม และนำตัวเด็ก 14 ส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายเด็กชาย 14 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลระยอง เมื่อวันที่ 6 พ.ย.65 ด้วยอาการเลือดคั่งในสมอง
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พ.ย.65 โลกออนไลน์ มีการติดแฮชแท็ก #เด็ก18ฆ่าเด็ก14 โดยมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากวัยรุ่นอายุ 18 ปี ถูกจับ เขาอ้างว่าฝ่ายผู้เสียชีวิตได้ถือมีดจะฟันตนเองก่อน จึงต้องป้องกันตัว จนถูกแจ้งข้อหาฆ่าคนตาย ต่อมามีคนไปประกันตัวที่โรงพักในวงเงิน 20,000 บาท และเมื่อได้ประกันออกมาแล้ว ก็มีการโพสต์สตอรี่ว่าตัวเองไม่ผิด และจะไปเที่ยวงานลอยกระทง ทำให้เกิดดราม่าต่างๆ ตามมามากมาย
ขณะที่เมื่อวานนี้ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปงานสวดอภิธรรมศพ เด็กชายวัย 14 ปี พบกับญาติของเด็กชายที่อยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ พร้อมเล่าว่า ผู้ตายเป็นเพื่อนกับวัยรุ่น 18 ปี เคยมากินนอนเล่นด้วยกันอยู่ที่บ้านประจำ และไม่เคยคาดคิดว่าเด็ก 18 จะทำร้ายกันจนถึงขั้นเสียชีวิต ในวันเกิดเหตุคือวันที่ 3 พ.ย. 65 เวลาประมาณเที่ยงเศษ วัยรุ่นอายุ 18 ปี ขี่รถจักรยานยนต์มาที่บ้าน ก่อนเรียกเด็กชายอายุ 14 ปี ให้ออกไปพูดคุยกันบริเวณหน้าบ้าน
หลังจากออกมามีปากเสียงทะเลาะเสียงดัง จากนั้นวัยรุ่นอายุ 18 ปี กระโดดถีบเข้าหน้าอกเด็กชายอายุ 14 ปี ล้มลง แล้วใช้สายไฟฟาดตีซ้ำเข้าบริเวณศีรษะและตามร่างกาย จนเพื่อนบ้านและผู้เห็นเหตุการณ์เข้าไปห้ามปรามและแยกตัวออกจากกัน
จากนั้นเด็กชาย 14 ปี ได้เดินเข้าบ้าน ล้มฟุบลงกับพื้น ชักกระตุก วัยรุ่น 18 ปีจึงพาไปส่งศูนย์สาธารณสุขในหมู่บ้าน และต้องส่งต่อโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติมาบตาพุด แต่อาการสาหัส เนื่องจากเลือดคั่งในสมอง แพทย์จึงส่งต่อไปโรงพยาบาลระยอง พอไปถึงโรงพยาบาล แพทย์บอกว่า หลานชายสมองตายแล้ว และขอให้ญาติทำใจ จนวันที่ 6 พ.ย. 65 จึงเสียชีวิตในที่สุด
ส่วนสาเหตุทำร้าย คาดว่าน่าจะเกิดจากการเข้าใจผิดของแก๊งวัยรุ่น เพราะในพื้นที่ตำบลห้วยโป่ง มาบตาพุด มีแก๊งวัยรุ่น 2 กลุ่ม เป็นอริกัน คือ แก๊งกลุ่มเด็กห้วยโป่ง และแก๊งกลุ่มเด็กบ้านแขก หลานชาย อายุ 14 ปี มีเพื่อนอยู่ทั้ง 2 กลุ่ม และไปมาหาสู่กันประจำ
ขณะที่ผู้ก่อเหตุอายุ 18 ปี อยู่แก๊งกลุ่มเด็กห้วยโป่ง เกิดความไม่พอใจที่หลานชายอายุ 14 ปี ไปคบหากับแก๊งกลุ่มเด็กบ้านแขก ที่ผ่านมาเคยขู่จะทำร้าย หากยังคบกับแก๊งกลุ่มเด็กบ้านแขก พร้อมยื่นคำขาด อย่าเข้ามาในเขตห้วยโป่งเด็ดขาด ถ้าไม่เชื่อจะถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดทางญาติทราบเรื่องมาตลอด แต่ไม่คาดคิดว่าจะกล้าทำร้ายกันรุนแรงเช่นนี้
ทางครอบครัวจึงอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากตำรวจให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา เพราะผู้ก่อเหตุนำเรื่องราวดังกล่าวมาโพสต์เหมือนเป็นการเยาะเย้ยและข่มขู่ทางครอบครัว ทั้งที่ตำรวจบอกว่าได้จับกุมตัวส่งศาลและเรือนจำแล้ว แต่เฟซบุ๊กของผู้ก่อเหตุก็ยังเคลื่อนไหว และโพสต์ข้อความในเชิงข่มขู่ครอบครัวของตน
หลังวัยรุ่น 18 ได้รับการประกันตัวออกไปในข้อหาทำร้ายร่างกายทำให้บาดเจ็บสาหัส เนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นเด็ก แต่เมื่อผู้ก่อเหตุได้ประกันออกมาแล้ว ทางตำรวจเห็นพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุว่าไม่มีสามัญสำนึก และในวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้บาดเจ็บเสียชีวิต พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อเจตนาฆ่าเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านผู้ก่อเหตุ ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง พบกับแม่เลี้ยง พร้อมบอกว่า ไม่ขอพูดหรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลูกเลี้ยงคนนี้ไม่มีงานทำ เรียนไม่จบ มาอาศัยอยู่กับพ่อที่บ้านหลังนี้ แต่ไม่ค่อยอยู่บ้าน ส่วนพ่อไปทำงาน หลังก่อเหตุและได้รับการประกันตัวออกมา ผู้ก่อเหตุมาบ้านเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน และอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านทันที จนขณะนี้ยังไม่พบเห็นหน้า
อย่างไรก็ตาม ในส่วนคดี พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยโป่ง เจ้าของคดี ได้เรียกเพื่อนของผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำ ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในคลิป ใส่เสื้อยืดสีขาว นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มากับผู้ก่อเหตุ โดยยอมรับว่าวันเกิดเหตุไปกับผู้ก่อเหตุจริง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายผู้เสียชีวิต หลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จ พนักงานสอบสวนปล่อยตัวไป
ส่วนกรณีการประกันตัวของผู้ก่อเหตุนั้น ผู้สื่อข่าวสอบถามกับนายประกันที่ศาลจังหวัดระยอง รายหนึ่ง ระบุว่า ศาลอนุญาตให้ประกันตัวออกไปจริงเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก่อนที่คู่กรณีเด็ก 14 จะเสียชีวิต 1 วัน โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 20,000 ยื่นประกันตัว ศาลพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวออกไป ส่วนเหตุผล ศาลคงมีดุลยพินิจอยู่แล้วว่าข้อหาที่ผู้ก่อเหตุถูกแจ้งกล่าวหานั้น น่าจะเป็นข้อหาทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ประกอบกับคาดว่าประวัติของผู้ก่อเหตุ ไม่เคยมีคดีติดตัว ศาลจึงอนุญาตให้ประกันตัว แต่ต้องติดกำไลอีเอ็ม แต่เนื่องจากในวันนั้นเป็นวันหยุด เจ้าหน้าที่ติดกำไลอีเอ็มไม่มี ศาลจึงนัดให้นายประกันซึ่งเป็นพ่อของเพื่อนผู้ก่อเหตุ นำตัวมาติดกำไลอีเอ็ม วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ หรือในวันพรุ่งนี้ ที่ศาลจังหวัดระยอง เวลาประมาณ 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวสอบถามพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุจากเพื่อนบ้านในชุมชนเดียวกันต่างระบุว่า วัยรุ่นคนดังกล่าวมีพฤติกรรมเกเร งานไม่ทำ และมักจะมีเรื่องก่อเหตุบ่อยครั้ง. – สำนักข่าวไทย