สำนักข่าวไทย 19 ต.ค.- กรมวิทย์ฯ เผยพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ BQ.1 รายแรกในไทย เป็นต่างชาติอายุ 40 ปี เดินทางมาจากจีน ตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค. ไม่มีอาการป่วยและหายเป็นปกติแล้ว สรุปตอนนี้ไทยพบ BF.7, BN.1, BQ.1 และ XBB ส่วน BQ.1.1 ยังไม่พบในไทย
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีการพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยโอไมครอน BQ.1 ในไทยรายแรก ว่าผู้ป่วยรายนี้เป็นชาวต่างชาติอายุ 40 ปี เดินทางมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้ารักษาในโรงพยาบาล (รพ.) แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค. ไม่มีอาการป่วยและหายเป็นปกติแล้ว จากนั้น รพ.ให้ความร่วมมือกับกรมวิทย์ฯ ด้วยการส่งตัวอย่างเชื้อผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศมาตรวจหาสายพันธุ์ จากนั้นจึงส่งข้อมูลไปยังจีเซด (GISAID) ตั้งแต่ ก.ย. ซึ่งในขณะนั้นข้อมูลเข้าได้กับสายพันธุ์ BE.1.1 ซึ่งเป็นลูกหลานจาก BA.5.3.1.1.1 โดยขั้นตอนทั้งหมดนี้ก็จะใช้เวลาระยะหนึ่ง จากนั้นจีเซดเริ่มมีข้อมูลสายพันธุ์จากทั่วโลกมากขึ้น เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.) พบว่าไวรัสดังกล่าวเข้าได้กับ BQ.1 ก็มีการปรับระบุสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการติดตามข้อมูลไวรัส
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า BQ.1 เป็นหนึ่งในหลายๆ ตัวที่องค์การอนามัยโลกให้จับตา ซึ่งตอนนี้ไทยเราพบ BF.7 / BN.1 / BQ.1 และ XBB ซึ่งเรียงตามการแพร่กระจายจากน้อยไปมาก ส่วน BQ.1.1 ยังไม่พบในไทย ฉะนั้นต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง เพราะยังคงพบสายพันธุ์ที่เหมือนเป็นแขนงต้นไม้ที่งอกไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม มาตรการฤดูหนาว ตามปกติแล้วคนมักจะเป็นหวัด การแพร่เชื้อจะมากขึ้น แต่หากยังสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือเข้มงวดพอสมควร พร้อมกับฉีดวัคซีน ก็น่าจะช่วยให้ประเทศไทยไม่เหมือนต่างประเทศที่พบการระบาด เนื่องจากเลิกสวมหน้ากากอนามัยกันแล้ว
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขณะนี้ เราขอให้ รพ.ขนาดใหญ่ รวมถึงเอกชน ส่งตัวอย่างจากผู้ป่วยโควิดมาตรวจสายพันธุ์ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่าย เช่น ผู้ป่วยที่ฉีดวัคซีนเข็มล่าสุดใน 3 เดือนแล้วป่วยอาการรุนแรง ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่พบการระบาด ผู้ป่วยที่ชายแดน ซึ่งเรายังมีการตรวจหาสายพันธุ์สัปดาห์ละ 300 ตัวอย่างอย่างสม่ำเสมอ.-สำนักข่าวไทย