ทำเนียบรัฐบาล 12 ต.ค.-นายกฯ เผยรัฐบาลเร่งออกมาตรการกวดขันการใช้อาวุธปืน ต้องตรวจสอบสภาพทางจิต ไม่มีพฤติกรรมเป็นภัยสังคม ให้ทุกชุมชนเร่งคัดกรองผู้ติดยาเข้าระบบฟื้นฟู
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน ว่า มาตรการสำคัญ ได้แก่ การกวดขัน การบังคับใช้กฎหมาย เกี่ยวกับอาวุธปืนให้มีความเข้มงวด โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตและการต่อใบอนุญาต รวมถึงการพกพาอาวุธปืน ส่วนผู้ยื่นคำขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน และต้องได้รับการตรวจสอบและรับรองอาการทางจิต ไม่วิกลจริตและฟั่นเฟือน โดยจะต้องรับรองจากผู้บังคับบัญชา ชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งต้องไม่มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม นอกจากนี้จะต้องตรวจสอบทบทวน เพื่อพิจารณาคุณสมบัติตามห้วงเวลาที่เหมาะสมด้วย
“การเพิกถอนใบอนุญาตการพกพาอาวุธปืน เมื่อพบปัญหาทางจิตหรือมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม พบการใช้ยาเสพติด ต้องกวาดล้าง จับกุมอาวุธเถื่อน รายการซื้อขายออนไลน์อย่างจริงจัง รวมทั้งต้องทบทวนกฎหมายและกฎกระทรวงให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ และให้มีผลออกมาให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติด ต้องเน้นการควบคุม การนำเข้า การส่งออก สารเคมีตั้งต้นที่นำไปใช้ผลิตยาเสพติด “โซเดียมไซยาไนต์” พร้อมเร่งติดตาม สืบสวนขยายผล ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและยึดอายัดทรัพย์สิน การบูรณาการนำผู้เสพเข้าระบบศูนย์ข้อมูลที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงาน ป.ป.ส. ทบทวนกรณีผู้เสพเป็นผู้ป่วย โดยเฉพาะประเด็นปริมาณการครอบครอง ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือว่าจะกำหนดปริมาณการครอบครอง ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องปรับแก้กฎหมาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา และหากเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องถูกลงโทษโดยเด็ดขาดทุกกรณี
“ส่วนมาตรการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ให้เร่งค้นหาคัดกรอง เพื่อนำเข้าสู่การฟื้นฟู เร่งจัดตั้งศูนย์คัดกรองให้ครอบคลุมทุกตำบล ทั้งสาธารณสุขและท้องถิ่น ให้เป็นมาตรฐานสากล โดยจะต้องเร่งหาผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ให้ได้ว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้ตรวจสอบคัดกรองได้อย่างตรงจุดและเข้าสู่กระบวนการได้ ทั้งนี้ ชุมชนถือว่ามีส่วนสำคัญที่จะช่วยภาครัฐตรวจสอบ หากพบเห็นผู้ที่มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงหรือติดยาเสพติด ต้องหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อติดตามต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต จะจัดตั้งระบบดูแลสุขภาพจิตใน โรงเรียนและสถานศึกษาทุกแห่ง สถานประกอบกิจการที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอาวุธร้ายแรง ขณะที่การบำบัดฟื้นฟู ให้จัดตั้งกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดทุกอำเภอ จัดตั้งหน่วยบูรณาการจิตเวชฉุกเฉินทุกอำเภอ มีระบบดูแลเบื้องต้นทางจิตเวชทุกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และใช้ชุมชนบำบัด เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการรักษาจิตเวชทางไกล การดูแลต่อเนื่องในชุมชนในผู้ป่วยจิตเวชเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง
“รัฐบาลให้ความเข้มงวดกับปัญหายาเสพติดมาโดยตลอด แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งเป็นปัญหาซ้อนปัญหา ไปเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืน และก่อเหตุรุนแรง ยืนยันจะทำให้ดีที่สุด รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างที่สุดทั้งเรื่องของผู้เสพและผู้ค้า รวมถึงผู้เสพรายใหม่ ทุกอย่างต้องทำอย่างเป็นระบบ ทั้งการป้องกัน ป้องปราม ปราบปราม บำบัดรักษา ยืนยันรัฐบาล ไม่เคยปิดกั้นการรับข้อมูลจากใคร แล้วขอให้แจ้งเข้ามาเพื่อ นำไปสู่การแก้ไขปัญหา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวันนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้เสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์ ซึ่งหลายเรื่องต้องใช้ระยะเวลา แต่เรื่องใดที่ทำได้จะดำเนินการทันที ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนต้องช่วยกัน โดยแจ้งข้อมูลมายังภาครัฐ ซึ่งจะเร่งดำเนินการในทันที.-สำนักข่าวไทย