ทำเนียบ 22 ก.ย. – เลขาฯ สมช. เผยพรุ่งนี้ ศบค. เตรียมประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมยุบ ศบค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีผล 1 ต.ค.นี้
พลเอกสุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้ (22 ก.ย.) เป็นการประชุมนัดสุดท้ายของ ศปก.ศบค. มีเรื่องสำคัญคือ การรับทราบสถานการณ์ปัจจุบัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุข ประกาศให้ทราบทุกอย่างเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตลดลง ซึ่งเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข คือ รณรงค์ดำเนินการต่อไป ให้เหลือน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย
นอกจากนี้ได้มีการหารือเรื่องแผนการเปลี่ยนผ่านให้โควิด-19 เป็นโรคเฝ้าระวัง โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับความเห็นชอบจาก ศบค. ไปก่อนหน้านี้ และวานนี้ได้ประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ไม่ร้ายแรง ในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้คิดแผนรองรับและเตรียมบูรณาการการทำงาน เพื่อกลับไปสู่กลไกปกติของประเทศ ทั้งนี้จะมีคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติของกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก มีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และกรุงเทพมหานคร เป็นกลไกหลักในการบริหารจัดการ
“จากนี้กระทรวงสาธารณสุขจะได้ทำแผนและแจ้งแนวทางต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติหลังมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โรคติดต่อที่ไม่ร้ายแรง ตลอดจนองค์กร สถานประกอบการต่างๆ ต้องปฏิบัติอย่างไรหลังจากนี้ ซึ่งทั้งหมดจะมีแผนเผชิญเหตุรองรับด้วยในช่วงการเปลี่ยนผ่าน เพื่อไม่ให้กลับไปสู่การเสียหายขนาดใหญ่อีก” พลเอกสุพจน์ กล่าว
พลเอกสุพจน์ กล่าวว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค. ได้เห็นชอบร่วมกันว่าวันพรุ่งนี้ (23 ก.ย.) จะเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ให้ยกเลิกการบังคับใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการนำเข้าเสนอในที่ประชุม ซึ่งมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมกับ ครม. ที่เกี่ยวข้อง แพทย์ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ จะร่วมกันพิจารณา
“หากพรุ่งนี้ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบ จะส่งผลให้ยุบ ศบค., ศปก.ศบค. และศูนย์ที่เกี่ยวข้อง อีก 9 ศูนย์ ยุบส่วนราชการต่างๆ ที่ตั้งมาก่อนหน้านี้ ทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ภาคเศรษฐกิจ ยุบทั้งหมด แต่จะมีกลไกรองรับและได้มีการเตรียมการเป็นลำดับแล้ว โดยหากผ่านความเห็นชอบจะเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป โดยหลังจากนี้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะเป็นคนดูแลโดย พ.ร.บ.โรคติดต่อ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลและปรับปรุงให้เกิดความเหมาะสมมากขึ้น เพื่อรองรับกับสถานการณ์” พลเอกสุพจน์ กล่าว
เมื่อถามว่าที่ประชุมย่อยมีข้อกังวลใดเป็นพิเศษหลังการเปลี่ยนผ่าน พลเอกสุพจน์ กล่าวว่า ที่กังวลคือเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน หากยกเลิกแล้ว ไม่ใช่ว่าจะถอดหน้ากากหรือดำเนินชีวิตอย่างไรก็ได้ แต่ต้องมีมาตรการป้องกันส่วนบุคคล เพราะในสังคมกลุ่มย่อย การรวมตัวยังมีคลัสเตอร์ใหญ่และย่อยเกิดขึ้น เพียงแต่ภูมิคุ้มกันหมู่ภาพรวมของประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก และไม่มีอาการเจ็บป่วยรุนแรง มียา แพทย์ พยาบาล และโรงพยาบาลเพียงพอ
ส่วนจะไปถึงขั้นถอดหน้ากากใช้ชีวิตตามปกติคงจะต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะหากตามดูที่รัฐบาลได้ทำมาต่อเนื่อง ได้ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เปิดให้เสียหายมากและค่อยมาแก้ไข แต่เราจะคำนึงถึงประชาชน ความเสียหายของประชาชนเป็นสำคัญ ดังนั้น คิดว่าค่อยๆ ปรับตัวกันไปก่อน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการเตรียมยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่เกี่ยวข้องกับการประชุมเอเปค ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ แต่เป็นการดำเนินการเพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้า.-สำนักข่าวไทย