รัสเซีย 31 ส.ค. – มิคาอิล กอร์บาชอฟ อดีตประธานาธิบดีคนสุดท้ายของสหภาพโซเวียต ถึงแก่อสัญกรรมแล้วด้วยวัย 91 ปี
สำนักข่าวทาสส์ สื่อในรัสเซียรายงานอ้างแถลงการณ์จากโรงพยาบาล Central Clinical Hospital ที่ระบุว่า กอร์บาชอฟ อดีตผู้นำสหภาพโซเวียต เสียชีวิตด้วยอาการป่วยเรื้อรัง แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติม ร่างของกอร์บาชอฟ จะฝังที่สุสานโนโวเดวิชี ในกรุงมอสโกของรัสเซีย เคียงข้างกับภรรยาผู้ล่วงลับของเขา
แม้ว่า กอร์บาชอฟ จะดำรงตำแหน่งอดีตผู้นำสหภาพโซเวียตคนสุดท้ายในเวลาไม่ถึง 7 ปี แต่กอร์บาชอฟ ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งมากมาย แต่การเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วตอนนั้น ได้นำไปสู่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตที่ปลดปล่อยประเทศในยุโรปตะวันออกหลายประเทศจากการครอบงำของรัสเซีย และการสิ้นสุดสงครามเย็น
ในยุคตกต่ำของกอร์บาชอฟ อำนาจของเขาเสื่อมถอยลงจากความพยายามก่อรัฐประหารในเดือนสิงหาคม 2534 เขาได้ใช้ช่วงเวลาสุดท้ายในการดำรงตำแหน่งผู้นำเฝ้ามองการล่มสลายของสหภาพโซเวียต จนกระทั่งเขาลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 25 ธันวาคมในปีเดียวกัน และสหภาพโซเวียตได้ลบตัวเองออกจากแผนที่ในวันต่อมา
กอร์บาชฟเผยในเวลาต่อมาว่า เขาไม่คิดจะใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการผนวกรวมสหภาพโซเวียตไว้ด้วยกัน เพราะเขาเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายโกลาหลอย่างมาก แม้ในช่วงปลายวาระผู้นำโซเวียตของเขาจะดูไร้ซึ่งอำนาจ แต่กอร์บาชอฟ มีบทบาทใหญ่ขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 เมื่อเทียบกับนักการเมืองในยุคเดียวกัน
กอร์บาชอฟ ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 2533 ในบทบาทการยุติสงครามเย็น และใช้ช่วงเวลาที่เหลือของชีวิตขึ้นรับรางวัลต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลก แต่เขากลับถูกดูแคลนอย่างมากในบ้านเกิดของตัวเอง โดยชาวรัสเซียกล่าวหากอร์บาชอฟว่าเป็นตัวการให้สหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 2534 จากที่เคยเป็นประเทศมหาอำนาจที่ควบคุม 15 ประเทศในยุโรปตะวันออกได้ ขณะที่พันธมิตรการเมืองของเขาต่างตัดสัมพันธ์และโยนให้เขาเป็นแพะรับบาปกับความวุ่นวายต่าง ๆ ในประเทศ .-สำนักข่าวไทย