กทม. 22 ส.ค.- ผู้ว่าฯ กทม. เผยทราบเรื่องและได้สั่งการให้สำนักงานเขตพระโขนงตรวจสอบอาคารพาณิชย์ ริมถนนสุขุมวิท 101/1 ที่อาคารมีความเอียงแล้ว พบเป็นอาคารทั้งหมด 15 คูหา สร้างตั้งแต่ปี 21 และเกิดปัญหาเอียงมานาน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหาร กทม. โดยเรื่องการเตรียมการชุมนุมนั้น ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้หน่วยงาน กทม.ที่เกี่ยวข้องได้ประชุมกับทั้งตำรวจ ตัวแทนผู้ชุมนุม ที่ได้ขออนุญาตการใช้พื้นที่ลานคนเมือง ซึ่งได้พูดคุยทำความเข้ากัน ทั้งการตั้งจุดคัดกรอง การขอว่าไม่ให้มีกิจกรรมไม่เหมาะสม และลานรับจำนวนคนได้อยู่ 1,000 คน ซึ่งตั้งแต่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็มีความร่วมมือดี และที่ขอว่าไม่ให้ค้างคืนก็ขอบคุณผู้ชุมนุมที่ปฏิบัติตามอย่างดี เนื่องจากจุดดังกล่าวมีวัด มีชุมชนอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงเรื่องการชุมนุมช่วงรอยต่อวันที่ 23-24 ส.ค. และมีการประกาศว่าจะไปที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า กทม.เน้นดูแลเรื่องอำนวยความสะดวกเป็นหลัก หากเป็นไปตามที่คุยกันไว้เชื่อว่าไม่มีปัญหา ที่ผ่านมา กทม.ก็พยายามแก้ปัญหา หาจุดที่อนุญาตชุมนุม อยากให้เปิดพื้นที่แสดงความเห็นต่างให้อยู่ร่วมกัน แต่ถ้าหากจะมีการลงไปชุมนุมที่ผิวการจราจร หรือเคลื่อนการชุมนุมนอกจากจุดที่ขอไว้ ก็จะเป็นอำนาจการดูแลควบคุมของตำรวจและฝ่ายความมั่นคงก็จะมีแนวทางการดำเนินการ
ส่วนเรื่องการรับมือน้ำฝน น้ำเหนือ น้ำหนุน ขณะนี้ตามรายงานการปล่อยน้ำผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา การปล่อยน้ำยังอยู่ในระดับไม่วิกฤติ แต่จะโยนน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่จะไหลมาสมทบเยอะ ซึ่งการระบายจะมีส่วนหนึ่งมาทางฝั่งตะวันออกของ กทม. ซึ่งการทำงานได้ประสานกับกรมชลประทานมาต่อเนื่องซึ่งได้ขอให้ผันน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ ไปอีกด้านหนึ่ง โดยผันน้ำออกด้านข้าง ไม่เข้าพื้นที่ กทม. เนื่องจากน้ำในคลองหลักต่าง ๆ ของ กทม.ฝั่งตะวันออกเต็มแล้ว โดยภาพรวมยังบริหารจัดการได้ แต่ห่วงเรื่องปริมาณฝนมากกว่า โดยเฉพาะหากตกหนักในพื้นที่ใกล้เคียง ที่ระดับน้ำสูงกดดันมาจากฝั่งปากน้ำ สมุทรปราการ ก็จะส่งผลต่อการระบายออกของ กทม. เฝ้าระวังในฝั่งคลองประเวศบุรีรมย์ คลองสาขาต่าง ๆ ตอนนี้ที่หลายจุดคลองยังระบายได้ช้า เพราะคลองทุกแห่งน้ำเต็มโดยได้เพิ่มติดเครื่องผลักดันน้ำ 3 จุด เร่งระบาย ช่วย กทม.ฝั่งตะวันออกแก้ปัญหาน้ำที่ท่วมถนน และให้ทุกเขตตรวจสอบจุดฟันหลอ ที่ทำกระสอบทรายกั้นตามแนวไว้ให้แข็งแรง เพื่อเฝ้าระวังน้ำทะเลที่จะหนุนสูงช่วงเดือนกันยายน
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึง เรื่องบีทีเอสหลังเกิดอุบัติเหตุ ที่บันไดเลื่อนสถานีสุรศักดิ์ ที่ตนลงพื้นที่เองไปดูก็เพราะเป็นห่วง ตอนแรกคิดว่าเกิดจากปัญหาของอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่จากการฟังรายงานของคนที่อยู่หน้างานก็พบว่า ในวันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่มีคนขึ้นรถไฟฟ้าพร้อม ๆ กันจำนวนมาก และเมื่อขึ้นไปแล้วคนเยอะออตรงช่องซื้อตั๋ว คนจากบันไดเลื่อนก็ไปต่อไม่ได้ ประกอบกับฝนตกอีกคนก็ต้องการเข้าสถานีมากขึ้นจึงเกิดอุบัติเหตุขึ้น อย่างไรก็ตาม ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จ และเชิญบีทีเอส สำนักงานจราจรและขนส่ง กทม.ที่แม้จะเป็นอุบัติเหตุ แต่ตัองดูว่าจะเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ใดประกอบหรือไม่ โดยเฉพาะต้องมาวางแผนป้องกันเหตุเกิดขึ้นอีกในอนาคต มองว่าการบริหารจัดการในช่วงผู้โดยสารมากเป็นพิเศษต้องมีแผนรองรับ อย่างวันที่เกิดเหตุก็น่าจะคาดการณ์ได้ระดับหนึ่งว่าคนจะมาเยอะ เจ้าหน้าที่หน่วยหน้าในพื้นที่ต้องไว ต้องกำชับเรื่องแผนเผชิญเหตุต่าง ๆ
ส่วนกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Patai Padungtin”ได้แชร์ภาพซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ ริมถนนสุขุมวิท 101/1 โดยภาพจะเห็นว่าอาคารมีความเอียงของตัวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตึกดังกล่าวยังมีการค้าขายตามปกติ รวมทั้งมีการติดประกาศขาย อาคาร จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ ล่าสุดผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ทราบเรื่องแล้วและได้สั่งการให้สำนักงานเขตพระโขนงตรวจสอบแล้วเบื้องต้นทราบว่า อาคารมีทั้งหมด 15 คูหา สร้างมาตั้งแต่ปี 2521 และเกิดปัญหาเอียงมานานแล้ว โดยล่าสุด กทม.ได้ประสานให้สำนักการโยธา เข้าไปตรวจสอบพร้อมกับวิศวกรวิชาชีพ ที่จะต้องประเมินเรื่องความปลอดภัยของอาคาร. -สำนักข่าวไทย