กทม. 9 ม.ค.-ปมร้อนวัดสุทธิฯ อดีตเด็กวัด ปูด ทุจริต-บริหารจัดการศพไม่เหมาะสม ด้านเจ้าอาวาส แถลงโต้ อดีตเด็กวัดขาดรายได้ จึงหันมาสาดโคลนใส่
ช่วงสายวันนี้ นายชาญณรงค์ เพียรดี อดีตลูกศิษย์วัดสุทธิวราราม และอดีตไวยาวัจกร พาสื่อมวลชนเดินทางมาที่วัด อ้างว่าเพื่อเปิดโปงขบวนการทุจริตภายในวัด เช่น ยักยอกเงินค่าจัดการงานศพ และค่าเช่าพื้นที่ของวัด รวมเป็นเงินมากกว่า 95 ล้านบาท ซึ่งนาบชาญณรงค์ สันนิษฐานว่า เจ้าอาวาสวัดรูปปัจจุบัน อาจยักยอกนำเงินของวัด ไปซื้อที่ดินกว่า 22 ไร่ เปิดร้านกาแฟและรีสอร์ต ก่อนจะโอนให้ญาติเป็นผู้ครอบครองที่ดินแทน รวมทั้งประเด็น ชิ้นส่วนศพเผาไหม้ไม่หมดถูกทิ้งอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งนายชาญณรงค์ เคยทำหนังสือถึง พศ. ให้เข้ามาตรวจสอบแล้วก่อนหน้านี้
ทันที ที่มาถึงวัด สื่อมวลชนพบว่า พระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาส พร้อมด้วยพระมหาพร้อมพงศ์ ปภัสรจิตโต ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ได้เปิดศาลา 5 เพื่อแถลงชี้แจงต่อสื่อมวลชน และต่อหน้านายชาญณรงค์ ด้วย
พระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาส บอกว่า วัดดำเนินกิจการหลายอย่างเพื่อส่งเสริมให้ความรู้พุทศาสนิกชน และหารายได้เข้าวัด เพื่อเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ และบูรณะวัดไม่ให้ทรุดโทรม โดยทำในรูปคณะกรรมการ เงินทุกบาท ทุกสตางค์ ที่ชาวบ้านทำบุญ จัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย ชี้แจ้งได้ ส่วนที่นายชาญณรงค์ร้องไปยัง พศ. ไก้มีการตรวจสอบแล้ว ไม่พบความผิดตามข้อร้องเรียน
ประเด็นร้องเรื่องยักยอกเงินวัด ไปซื้อที่ดินแล้วโอนให้เครือญาติ ไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าวัดซื้อที่ดินในจังหวัดเชียงรายไม่เกิน 20 ไร่ และจังหวัดสระบุรี 7 ไร่ เพื่อทำพุทธเกษตร และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งซื้อในนามวัดไม่ใช่ซื้อส่วนตัว
ประเด็นกล่าวหาวัดเผาศพไม่เหมาะสมมีชิ้นส่วนร่างกายศพเผาไม่หมดถูกทิ้ง ทำให้ญาติไม่พอใจ ชี้แจงว่า เมรุเผาศพของวัดเป็นเมรุไฟฟ้า หัวเผาสั่งทำจากเยอรมันนี ซ่อมบำรุงปรับปรุงทุกๆ 5 ปี เผาที่อุณหภูมสูงถึง 700-800 องศา และให้สารโดรอา ที่ผลิตจากหินภูเขาไฟ เพื่อช่วยในการเผาไหม้ให้สมบูรณ์ ไม่ก่อมลภาวะทางอากาศ ขนาดศพอาจารย์ใหญ่ รพ.จุฬา ยังนำมาฌาปนกิจที่วัด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหลือชิ้นส่วนศพที่ไม่ถูกเผา เว้นแต่ญาติผู้ตายจะแจ้งให้เผาแบบเหลือกระดูกเพื่อเก็บไว้ หรือ เผาจนเป็นเถ้ากระดูก ซึ่งเศษที่เหลือทางวัดก็นำไปลอยอังคารในแม่น้ำเจ้าพระยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าอาวาสได้แถลงชี้แจงต่อหน้านายชาญณรงค์ ซึ่งพยายามจะหาโอกาสชี้แจ้งกลับตลอดเวลา แต่ก็ไม่สบช่อง โดยพระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาส ยังระบุว่า นายชาญณรงค์ เคยเป็นเด็กวัด และย้ายออกจากวัดไปมีครอบครัว ประกอบอาชีพขับแท็กซี่ แต่ต่อมาตกงาน กลับเข้าวัดมาของาน เห็นกับอดีตที่เคยอยู่กินในวัด จึงให้เป็นคนขับรถวัดจ่ายค่าจ้างเดือนละ 1 หมื่นบาท จากนั้นเลื่อนขั้นมาทำหน้าที่ขับรถให้เจ้าอาวาส และตั้งเป็นไวยวัจกร ทำหน้าที่บริหารจัดการภายในวัด เพิ่มเงินเดือนเป็น 1 หมื่น 5 พันบาท รวมทั้ง ให้เป็นคนคุมเก็บค่าจอดรถในวัด นายชาญณรงค์ ยังขอพื้นที่ในวัดติดกับเมรุเผาศพ เปิดร้านนวดแผนโบราณ โดยทางวัดเห็นเป็นคนเก่าแก่ ยกรายได้จากค่านวดทั้งหมดให้ เก็บเฉพาะค่าน้ำ ค่าไป เดือนละ 5 พันบาท กระทั่ง ต่อมาทางวัด พบว่าค่าเช่าที่จอดรถที่ให้นายชาญณรงค์ บริหารต่ำกว่าความเป็นจริง คือเดือนละ 3 หมื่นถึง 4 หมื่นบาท วัดจึงเข้าไปบริหารเอง ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 8 หมื่นถึง 1 แสนบาท
ส่วนร้านนวดแผนไทย ชี้แจงว่า ที่สั่งปิดเพราะถูกชาวบ้านข้างวัดร้องเรียนว่าปิดเกินเวลา ส่งเสียงดังเนื่องจาก มีการตั้งวงดื่มสุรา จึงเชื่อว่าทั้ง 2 เรื่องนี้ เป็นสาเหตุให้นายชาญณรงค์ อดีตเด็กวัด ผูกใจเจ็บ เนื่องจากสูญเสียรายได้ จึงหันมาให้ร้ายเจ้าอาวาสและวัด
หลังแถลงข่าว พระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาส ได้พาสื่อมวลชน ไปดูเมรุเผาศพ เพื่อยืนยันคุณภาพการเผา ดูร้านนวดแผนไทย ที่อยู่ติดกับเมรุเผาศพ ซึ่งเคยเป็นที่หารายได้ของอดีตเด็กวัดชาญณรงค์ พบว่าร้านอยู่ริมรั้ว ซึ่งอีกด้านของรั้วเป็นที่พักอาศัยประชาชน
เจ้าอาวาส ยังชี้แจงกรณีนายชาญณรงค์ กล่าวหาว่า พระได้ชักเงินในซองทำบุญไปซื้อของ โดยไม่ทำบัญชี และเจ้าอาวาสมีพฤติกรรมรุนแรง ว่าการชักเงินในซองทำจริง แต่มีการจดลงบัญชีถูกต้อง ส่วนพฤติกรรมรุนแรง ไม่เป็นความจริง
ด้าน นายชาญณรงค์ หลังฟังการชี้แจง ยืนยันว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ตนร้องเรียนด้วยความบริสุทธิ์ใจ พร้อมจะเดินหน้าทำความจริงให้ปรากฎต่อไป.-สำนักข่าวไทย
