พรรคอนาคตใหม่ 31 ส.ค.-โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เยี่ยมครอบครัว “อับดุลเลาะห์” ยืนยันรัฐต้องคืนความเป็นธรรม ชี้ 15 ปีกฎหมายพิเศษใน 3 จังหวัดภาคใต้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ เสี่ยงใช้ในทางมิชอบ
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวนายอับดุลเลาะห์ อีซอมูซอ ซึ่งเสียชีวิตหลังถูกควบคุมตัวเข้าค่ายอิงคยุทธบริหาร ที่จังหวัดปัตตานี โดยครอบครัวอีซอมูซอยืนยันว่าจะเดินหน้าทวงคืนความเป็นธรรมให้นายอับดุลเลาะห์ และขอบคุณที่สังคมส่งกำลังใจให้อย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ส.ค.) น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เดินทางไปอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เพื่อพบปะและให้กำลังใจครอบครัวนายอับดุลเลาะห์ อีซอมูซอ ช่างก่อสร้างชาวปัตตานีผู้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก ควบคุมตัวเข้าค่ายอิงคยุทธบริหาร แล้วกลับออกมาในสภาพสมองบวมจากการขาดออกซิเจน อยู่ในสภาพเจ้าชายนิทราก่อนจะเสียชีวิตในอีก 35 วันต่อมา
โดย ญาติของนายอับดุลเลาะห์ ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาว่าจะให้เงินเยียวยา และให้ทุนการศึกษากับบุตรของนายอับดุลเลาะห์ แต่เป็นเสียงการพูดปากเปล่า ไม่มีเอกสารยืนยันการติดต่ออย่างเป็นทางการ และที่สำคัญ ครอบครัวไม่ได้ต้องการเพียงเงินเยียวยา แต่ต้องการข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายอับดุลเลาะห์ว่าผู้ชายที่แข็งแรงคนหนึ่ง อยู่ในการควบคุมตัวของทหารเพียง 12 ชั่วโมง แล้วกลับออกมาในสภาพสมองขาดออกซิเจน มีร่องรอยการถูกจี้และถูกมัดได้อย่างไร และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบการเสียชีวิตของนายอับดุลเลาะห์
ด้านภรรยาของนายอับดุลเลาะห์ ยืนยันว่า ขณะนี้มีกำลังใจดี เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในชุมชน รวมถึงคนนอกพื้นที่ ยืนยันว่าจะยังสู้ต่อไป แม้การทวงคืนความเป็นธรรมให้สามีจะต้องใช้เวลานาน และอาจต้องเผชิญแรงกดดันจากผู้มีอำนาจ โดยมีแนวคิดจะจัดตั้งกองทุนเพื่อรวบรวมเงินบริจาคมาใช้ในการสู้คดี
ทั้งนี้ น.ส.พรรณิการ์ ได้ให้กำลังใจครอบครัวอีซอมูซอ โดยแสดงความชื่นชมที่ครอบครัวกล้ายืนหยัดต่อสู้เพื่อทวงความเป็นธรรมให้นายอับดุลเลาะห์ และยืนยันว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของคน ๆ เดียว กรณีของนายอับดุลเลาะห์ ไม่ใช่กรณีแรกที่มีคนถูกทหารควบคุมตัวโดยไม่ต้องมีพยานหลักฐานใด ๆ แล้วกลับออกจากค่ายในสภาพบาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิต การเสียชีวิตของนายอับดุลเลาะห์คือตัวอย่างที่น่าเศร้าของคนธรรมดาที่ต้องได้รับผลกระทบจากการใช้กฎหมายพิเศษใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งให้อำนาจทหารล้นเกินจนนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะเกิดการใช้อำนาจในทางมิชอบ และการใช้อำนาจจับกุมใครก็ได้โดยไม่ต้องมีหลักฐาน ไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม ก็มีแต่จะสร้างความหวาดระแวงและแบ่งแยกระหว่างรัฐกับประชาชนในพื้นที่
“มีคนจำนวนมากบอกว่าทหารทำถูกแล้ว เพราะอับดุลเลาะห์เป็นผู้ต้องหา เป็นโจรใต้ ในความเป็นจริงก็คือเขาเป็นหนึ่งในผู้ชายวัยหนุ่มจำนวนมากในสามจังหวัด ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับเข้าค่ายไปสอบสวนโดยไม่ต้องมีการตั้งข้อหา ไม่ต้องมีหลักฐาน แค่สงสัยว่าเป็นขบวนการเพราะเป็นผู้ชายในวัยฉกรรจ์ แล้วพอครบ 7 วันก็ปล่อยตัว เรื่องแบบนี้ทำได้เพราะการประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งมีมายาวนานถึง 15 ปีแล้ว” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
นอกจากนี้ ครอบครัวอีซอมูซอยังแสดงความกังวลว่าหลังจากครบ 7 วันการเสียชีวิตของนายอับดุลเลาะห์ เมื่อสื่อเริ่มเลิกติดตาม คนเริ่มเลิกสนใจข่าวนี้ ครอบครัวจะถูกทหารกดดันให้ยอมความ ซึ่งโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่า ทางพรรคจะยืนหยัดร่วมกับครอบครัวอีซอมูซอ และช่วยทวงถามข้อเท็จจริงจากรัฐบาลผ่านช่องทางในสภาและนอกสภา เพื่อยืนยันหลักการที่ว่ารัฐต้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่ใช่ใช้อำนาจละเมิดประชาชนเสียเอง.-สำนักข่าวไทย