โทษประหารชีวิตเป็นข้อจำกัดตปท.ร่วมปราบทุจริต

รัฐสภา 5 ก.ค. -ประธานป.ป.ช. ระบุข้อจำกัดเอาผิดคดีทุจริต ไม่ได้รับความร่วมมือจากต่างประเทศเพราะไทยมีกฎหมายประหารชีวิต ด้านรองอสส.แย้งไม่ควรให้อำนาจป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์-ฎีกาคดีอาญา 


คณะกรรมาธิการการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จัดสัมมนาเรื่อง “ร่างกฎหมายป.ป.ช.: ก้าวใหม่แห่งการปฏิรูปการปราบปรามการทุจริต” โดยพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ปัญหาสำคัญของการทำงานในเวลานี้คือความล่าช้า สืบเนื่องจากการที่มีคดีเข้าสู่ระบบการทำงานของป.ป.ช.จำนวนมาก ประกอบกับบุคลากรของป.ป.ช.มีจำกัด 

“ในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฉบับใหม่ที่ได้เสนอไปยังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ป.ป.ช.ได้กำหนดกรอบระยะเวลาการทำงานไว้ในร่างกฎหมายด้วย คือ หากเป็นขั้นตอนการแสวงหาข้อเท็จจริง จะต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 6 เดือน แต่สามารถขยายเวลาครั้งละ 3 เดือน ส่วนขั้นตอนการไต่สวน จะต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 2 ปี แต่สามารถขยายเวลาได้ เพราะบางคดีมีความซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานให้รอบด้าน” ประธานป.ป.ช.  กล่าว


พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการฟ้องคดีต่อศาล ทางป.ป.ช.มีนโยบายจะพยายามให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุดในการฟ้องคดีต่อศาล เพราะอัยการเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญการดำเนินคดีในชั้นศาล เว้นเสียแต่หากอัยการสูงสุดและป.ป.ช.ไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้จริง ๆ ป.ป.ช.ถึงจะนำสำนวนมาฟ้องคดีต่อศาลเอง

ประธานป.ป.ช. กล่าวถึงการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูง ว่า กฎหมายปัจจุบันกำหนดให้ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบทุกบัญชี ทำให้เกิดปัญหาเรื่องระยะเวลาการทำงาน จึงมีความคิดว่ากรณีของการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินข้าราชการระดับสูงนั้นอาจตรวจสอบเป็นกลุ่มในบางตำแหน่งที่มีความเสี่ยงต่อการกระทำทุจริต แต่ในกรณีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับชาติ ต้องคงหลักการเดิมไว้ คือ การเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อให้ประชาชนร่วมกันตรวจสอบและแจ้งเบาะแสต่อป.ป.ช.


“ปัจจุบันงบประมาณแผ่นดินตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 มีงบประมาณแก้ไขปัญหาการทุจริตประมาณ 3 พันล้านบาทจากงบประมาณทั้งหมดประมาณ 3 ล้านล้านบาท เป็น 0.01% ของงบประมาณแผ่นดินทั้งหมด คือ งบประมาณแผ่นดิน 100 บาท ใช้ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตประมาณ 10 สตางค์ ซึ่งน้อยมาก เงิน 3 พันล้านบาทเท่ากับงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่มีงบประมาณบูรณะ 3-4 พันล้านบาทต่อปี เราเป็นองค์กรอิสระจริง แต่เป็นอิสระในเรื่องของการวินิจฉัย แต่ในเรื่องอย่างอื่นเราไม่อิสระ เพราะเราต้องขอเงินและคนจากรัฐบาล” พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว

ประธานป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช.ยังเสนอให้ยกเลิกโทษประหารชีวิตในคดีทุจริตการให้สินบนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบการทุจริตฉบับปัจจุบัน เนื่องจากที่ผ่านมาเราไม่ได้รับความร่วมมือจากองค์กรระหว่างประเทศในการตรวจสอบการให้สินบนระหว่างประเทศ ซึ่งการจะทำให้การดำเนินคดีเหล่านี้ประสบความสำเร็จจะต้องได้รับความร่วมมือจากต่างประเทศ  ข้อจำกัดคือประเทศไทยมีโทษประหารชีวิต ทำให้ประเทศในยุโรปไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งหากไม่ได้รับความร่วมมือ พยานหลักฐานที่จะใช้สำหรับการดำเนินคดีและพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกกล่าวหาจะทำได้ยาก

ด้านนายวินัย ดำรงค์มงคลกุล รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า ปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่ผ่านมา คือ ความล่าช้าในการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ร่วมกันระหว่างอัยการสูงสุดกับคณะกรรมการป.ป.ช. ซึ่งมีหลายคดีที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน เช่น อัยการขอให้เพิ่มเติมหลักฐานในบางส่วน แต่ได้รับการปฏิเสธเพราะอีกฝ่ายมองว่า พยานหลักฐานเพียงพอแล้ว จึงคิดว่าในร่างฉบับใหม่ควรแก้ไข โดยกำหนดว่าในกรณีที่ถ้าอัยการสูงสุดเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามที่อัยการสูงสุดแจ้งไป ส่วนจะรวบรวมมาได้หรือไม่นั้น ค่อยมาพิจารณาในขั้นตอนการปฏิบัติอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะดีกว่าการให้อีกฝ่ายปฏิเสธเสียตั้งแต่แรก

    รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า ในร่างฉบับใหม่ ให้สิทธิแก่ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา ซึ่งโดยหลักแล้วการอุทธรณ์คดีหรือฎีกาคดีจะเป็นหน้าที่ของคู่ความคือโจทก์หรือจำเลย  คดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ทางคณะกรรมการป.ป.ช.จะไม่ได้เป็นโจทก์ตั้งแต่แรก ดังนั้น การให้สิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาแก่ป.ป.ช. อยู่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งอาจทำให้ต้องแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 

“ผมมองว่าการพิจารณาคดีในชั้นศาลจะพิจารณาโดยใช้สำนวนของป.ป.ช.เป็นหลักอยู่แล้ว มีการพิสูจน์ความจริงกันมาในศาลและอัยการสูงสุดชั้นหนึ่งแล้ว และอัยการสูงสุดเป็นผู้ดำเนินคดีอาญาสูงสุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นคนชี้ขาดเรื่องการยื่นอุทธรณ์และฎีกาในคดีอาญาทั่วไป จึงสมควรให้อำนาจสูงสุดแก่อัยการสูงสุด อย่างไรก็ตาม หากจะตรวจสอบว่าการสั่งไม่อุทธรณ์หรือไม่ฎีกาของอัยการสูงสุดกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ก็สามารถดำเนินการได้” รองอัยการสูงสุด กล่าว

ขณะที่นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรธ. กล่าวว่า กรธ.ในฐานะผู้จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ จะนำความคิดเห็นของป.ป.ช.และอัยการสูงสุดไปพิจารณาไว้ในร่างกฎหมายที่จะเสนอให้กับสนช.ต่อไป แต่เวลานี้ กรธ.มีแนวความคิดว่า อาจจะกำหนดไว้ในร่างดังกล่าวว่า ในการวินิจฉัยของป.ป.ช.แต่ละคดี กรรมการป.ป.ช.แต่ละคนจะต้องจัดทำคำวินิจฉัยส่วนบุคคล หรือ กำหนดมาตรฐานการทำคำวินิจฉัยของป.ป.ช.ด้วย เพื่อให้สาธารณะทราบว่า ป.ป.ช.มีวิธีการในการวินิจฉัยคดีอย่างไร

“การปราบปรามการทุจริตที่จะประสิทธิภาพดีที่สุด คือ การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการได้ เพราะปัญหาการทุจริตในปัจจุบันเกิดขึ้นเป็นกระบวนการ จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย” นายชาติชาย กล่าว.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่

กทม. 19 ก.ค. – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่ ระบุข้อมูลคดีใหม่ เป็นพระในพื้นที่ต่างจังหวัด และไม่เกี่ยวกับคดี “กอล์ฟ” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เพิ่งรับทราบจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสข่าวลือพาดพิงถึงพระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ซึ่งไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือจนสร้างความเสียหาย โดยยืนยันว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีพระชั้นผู้ใหญ่มีความเกี่ยวข้องสีกาอีก แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟ เป็นพระที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าพระในคดีกอล์ฟ แต่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีกอล์ฟ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้หลักฐานชัดเจนก่อน ส่วนการตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระโดยเฉพาะ ขณะนี้ มีประชาชนแจ้งเบาะแสมาแล้วหลายร้อยสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกข้อมูล จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับกอล์ฟอีกหรือไม่.-412-สำนักข่าวไทย