“พล.อ.ประยุทธ์” อ้อนชาวใต้ “รักแล้ว รักอยู่ รักต่อ”

ชุมพร 10 พ.ค.-“พล.อ.ประยุทธ์” นำสมาชิก “รวมไทยสร้างชาติ” ชุดใหญ่ลงพื้นที่ จ.ชุมพร หาเสียงช่วยผู้สมัครช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง อ้อนขอคะแนน “รักแล้ว รักอยู่ รักต่อ” ขอแรงเลือกรวมไทยสร้างชาติทั้งจังหวัด สานต่องานบริหารประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา บูรพชัยศรี รองหัวหน้าพรรค และคณะผู้บริหารพรรค เดินทางมาพบปะประชาชน และปราศรัยหาเสียง แนะนำผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติทั้ง 3 เขต


ทั้งนี้ ประกอบด้วย  เขต 1 เบอร์ 11 นายวิชัย สุดสวาสดิ์,เขต 2 เบอร์ 12 นายสันต์ แซ่ตั้ง และ เขต 3 เบอร์ 9 นายสุพล จุลใส โดยทันทีที่เดินทางถึงสนามบินชุมพร มีคณะผู้บริหารพรรคในพื้นที่ภาคใต้ และประชาชนชาว จ.ชุมพรมารอต้อนรับ ส่งเสียงเชียร์อย่างคึกคักเหมือนทุกจังหวัดที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปหาเสียงโดยหลังจากทักทายกับประชาชนแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้เดินทางเข้าตัวอำเภอประทิว เพื่อขึ้นรถแห่หาเสียงพร้อมผู้สมัครทันที โดยขึ้นปราศรัยบนรถแห่ กลางตลาดสด อำเภอปะทิว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้น่าชื่นใจที่ทุกคน ทุกวัยมาพบกัน แต่สิ่งที่ต้องดูคือตอนนี้คนไม่ค่อยแต่งงานมีครอบครัวกัน ทำให้ประเทศไทยมีเด็กเกิดน้อยลง อนาคตจะขาดแคลนแรงงานดังนั้นสิ่งที่จะต้องมองต่อไปข้างหน้าคือจะทำอย่างไรที่จะแก้ปัญหานี้ ที่อาจจะต้องนำเข้ามาบ้าง แต่ส่วนของคนไทยเองจะต้องพัฒนาฝีมือแรงงานให้เป็นแรงงานฝีมือดี มีงานที่ดีทำ จัดหาตำแหน่งงานให้ เพื่อสร้างมูลค่า ในส่วนของเด็กๆ เยาวชนการศึกษาอยากให้เด็กๆ เรียนและคิดไปด้วยอย่าให้ใครมายุยง เพระโอกาสในประเทศไทยของเรามีมากมาย ต่างประเทศแย่กว่าเรา คนต่างประเทศอยากมาประเทศไทยเพราะรอยยิ้ม อะไรก็ดี วันที่ 14 พ.ค.นี้ก็ขอให้ออกไปเลือกตั้งกัน ขอให้จำเบอร์ของผู้สมัครให้ได้ เบอร์ 12 นายสันต์ แซ่ตั้ง และเบอร์ 22 เบอร์พรรค เลือกให้พรรครวมไทยสร้างชาติเข้าไป เพื่อเดินหน้าไปด้วยกัน สัญญาก็คือสัญญา มีคนบอกว่า รักน้อยๆ รักนานๆ แต่ตนไม่เอา อยากให้ รักมากๆ และรักนานๆ ด้วย หน้าตาตนก็พอดูได้ เมื่อวานที่ปัตตานีเรียกตนว่า “แบยุ” ตอนนี้จะเรียกว่าอะไรก็ได้ แต่ขอให้รักมากๆ และรักกันนานๆ  “รักแล้ว รักอยู่ รักต่อ”


“ผมคิดไว้หมดแล้ว เพราะทำมา 8 ปี รู้ปัญหาทั้งหมด ก่อนอื่นต้องหาเงินเข้ากระเป๋าเราก่อน ไม่งั้นมันทำไม่ได้ ผมก็พยายามเชื่อมต่อกับต่างประเทศวันนี้เขามั่นใจประเทศไทย ว่าเป็นประเทศที่น่าจะเข้ามาลงทุนมากที่สุด ภาษีรายได้เราก็มากขึ้น เงินกระเป๋าซ้ายเรามากขึ้น ก็สามารถนำมาจ่ายในกระเป๋าขวาให้กับพวกเราได้ ในการดูแลสวัสดิการต่างๆ ให้กับทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้เดินทางต่อไปยัง อ.ท่าแซะ พร้อมขึ้นรถแห่หาเสียงต่อ โดยระบุว่า วันนี้แม้จะต้องตื่นแต่เช้าขึ้นเครื่องบินมาที่นี่ แต่เมื่อพบหน้าทุกคนก็รู้สึกดีใจหายเหนื่อย ไม่ใช่คนใต้ แต่ภรรยาเกิดที่ใต้ วันนี้มาด้วยความคิดถึง อยากให้ทุกคนเลือก รวมไทยสร้างชาติเข้าไปเป็นรัฐบาลก็จะทำงานต่อให้กับทุกคนได้มีรอยยิ้ม โดยการแก้ปัญหาให้กับคนตั้งแต่เกิด โต ไปจนถึงสูงอายุ เรื่องสวัสดิการ ทั้งเรื่องสุขภาพ การศึกษาเล่าเรียน เศรษฐกิจ ประมง ปัญหาที่ดินต่างๆ

ถ้า รทสช.ได้เป็นรัฐบาลจะทำเรื่องเหล่านี้ให้ดีขึ้นๆ ไป หลังจากที่ทำมาแล้ว วันที่ 14 พ.ค.นี้ขอให้เลือกคนดีที่จะเข้าไปทำงานให้กับประเทศ เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติมากๆ เพื่อให้เข้าไปเป็นรัฐบาลสานงานที่เคยทำมาแล้วต่อไป ไม่ต้องไปเริ่มใหม่ โดยใน จ.ชุมพร ขอให้เลือกตัวแทนของ พรรค ทั้ง 3 คน ได้แก่ เขต 1 เบอร์ 11 นายวิชัย สุดสวาสดิ์,เขต 2 เบอร์ 12 นายสันต์ แซ่ตั้ง และ เขต 3 เบอร์ 9 นายสุพล จุลใส เลือกทั้งหมดรวมทั้งเบอร์ 22 เบอร์ของ “ลุงตู่” เบอร์ของพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย


“รักทุกคน รักจังฮู้ รักนานๆ รักทุกวันไม่มีวันหยุด เสาร์อาทิตย์ก็รัก ตัวจะอยู่หรือไม่อยู่ก็คิดถึงทุกคน วันที่ 14 นี้เลือกรวมไทยสร้างชาติเยอะๆ เราจะได้เข้าไปทำงานให้ แต่ถ้าไม่เลือกเราก็ทำอะไรให้ไม่ได้นะจ๊ะ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

จากนั้นเดินทาง ไปเทศบาลเมือง จ.ชุมพร เข้าสักการะศาลหลักเมือง จ.ชุมพร พร้อมขึ้นรถแห่ปราศรัยไปตามถนนสายหลักท่ามกลางประชาชนที่มารอต้อนรับ ส่งเสียงเชียร์สนั่นตลอดสองข้างทาง บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก 

โดยระหว่างการปราศรัยบนรถแห่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงเน้นผลงานความสำเร็จที่เคยทำมาแล้ว และพร้อมที่จะเดินหน้าต่อในทุกเรื่องเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ภายใต้การบริหารจัดการที่มีคุณภาพ  เพราะตนเคยทำมาแล้วจึงรู้ว่าควรทำเรื่องไหนก่อน หรือเรื่องไหนทำได้ทำไม่ได้ ภายใต้งบประมาณที่จำกัด

“ผมยืนยันว่า หากได้เป็นรัฐบาลอีกครั้งจะทำให้ประชาชนมีความสุขเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำเรื่องของความรักสามัคคี ขอให้ประชาชนทุกคนยึดถือสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรักษาความเป็นปึกแผ่นของแผ่นดิน เยาวชนต้องดูแลรักเคารพพ่อแม่ ที่ผ่านมาในฐานะนายกฯ ได้พยายามทำงานเพื่อความสุขของประชาชน ทั้งเรื่องการทำมาหากินที่อยากให้ทุกคนสามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีความสุข

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องสวัสดิการรัฐ ที่ได้เคยทำมาให้ทุกคนแล้ว โดยเฉพาะการแก้ปัญหาในช่วงวิกฤติโควิด 19  เชื่อว่าทุกคนเห็นผลงานมาแล้ว หลายทำมาอย่างต่อเนื่อง ตนสู้ทุกอย่าง ทุกเม็ด แม้ว่ารวมไทยสร้างชาติจะสู้มาอย่างโดดเดี่ยวแต่ตอนนี้มีประชาชนมาสนับสนุน จึงไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

“ผมขอให้เชื่อมั่นในรวมไทยสร้างชาติ อยากให้เลือกรวมไทยสร้างชาติเข้าไปทำงานเป็นรัฐบาลเดียว เพื่อความเป็นเอกภาพในการทำงาน มีคนมาบอกว่าข้าราชการเป็นช้างป่วย เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีใครชอบที่จะให้ใครมาดูถูกดูหมิ่นกัน อย่าให้ใครมาพูดแบบนี้ทุกคนต้องช่วยกันเลือกทั้ง ส.ส.เขต และเบอร์ 22 เบอร์ลุงตู่ พรรครวมไทยสร้างชาติ” พล.อ.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล..อ.ประยุทธ์ ย้ำด้วยว่า ใครที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ก็รีบตัดสินใจ อย่าลังเล ตอนนี้มีเวลาเหลืออีกไม่นานจะถึงวันเลือกตั้งขอให้ เลือกเรา พรรครวมไทยสร้างชาติ เราจะเข้าไปทำต่อ ทำงานทุกอย่างให้คนทุกรุ่นทุกวัย รักทุกคน ถ้าไม่รักจริงไม่อยู่มานานขนาดนี้ ขอบคุณทุกคนจากหัวใจของ “ลุงตู่”

ขณะที่การปราศรัยจุดสุดท้าย ที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร มีประชาชนชาวหลังสวนสวมเสื้อเหลืองมารอต้อนรับ

โดย พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้ขึ้นรถแห่หาเสียง และปราศรัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมกล่าวว่า วันนี้ดีใจที่มา อ.หลังสวน ที่เป็น อำเภอที่สุขสงบ มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ตนขอชื่นชมคนใต้ทุกคนที่รักสถาบันหลักของประเทศ ตนมาด้วยความรักความคิดถึง เอาความรักมาฝาก ขอให้เลือกสุพล จุลใส เบอร์ 9 การเลือกตั้งก็คือการเลือกตั้งเพื่อให้ประเทศสุขสงบ ไม่แตกเป็นฝักเป็นฝ่าย ครอบครัวต้องรักกันเหมือนเดิม อย่าให้ใครมายุแหย่ เด็กและเยาวชนจะต้องมีอนาคตที่ดีบนแผ่นดินไทยผืนนี้  วันนี้รู้สึกอบอุ่นใจมากเพราะมีคนต้อนรับตลอดทาง เพราะเป็นคนที่มีใจตรงกัน ขอให้ช่วยกันดูแลประเทศชาติไปพร้อมกับลุง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จำเป็นต้องทำเพื่อคนทั้งประเทศ ทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ ขอให้เชื่อมั่น สิ่งที่พรรครวมไทยสร้างชาติให้ความสำคัญคือการดูและเรื่องปากท้องของประชาชน มีสวัสดิการให้ทุกคน ทุกช่วงวัย เรื่องเศรษฐกิจต้องทำให้ดีขึ้น ทุกวันนี้ก็มีการลงทุนเข้ามามากแล้ว และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่การพัฒนาทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานความมั่นคง บ้านเมืองที่มีวินัย ต้องไม่ละเมิดกฎหมาย ถ้าไม่มีกฎหมายก็อยู่ไม่ได้ เราไม่เคยขัดแย้งกับกฎหมาย กฎหมายไม่เคยรังแกใคร เราต้องรื้อ ลด ปลด สร้างกฎหมายหลายตัว เพื่อให้การพัฒนาประเทศไม่สะดุด

วันนี้มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตผู้พิพากษา และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดังนั้นผมจึงเชื่อมั่นว่าเราจะทำได้และประเทศจะปลอดภัยมีกฎหมายที่ดี ที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศอย่างแน่นอน “ลุงตู่ตัวจริงมาแล้ว เสียงดังเหมือนเดิม หน้าตาเหมือนเดิม รักทุกคน ทุกวัยทุกเพศ ทุกอาชีพ ที่ห่วงที่สุดคือเด็กน้อยเหล่านี้เขาต้องมีอนาคต อย่าทิ้ง ส.ส.สุพล เบอร์ 9 ขอให้เลือกเข้ามา และอย่าลืมเบอร์ 22 ให้ลุงตู่เข้าไปทำงาน เราต้องเลือกคนของเราเข้าสภาให้มากขึ้น ลุงตู่จะได้ทำงานให้มากขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

มือปืนเรียกชื่อก่อนรัวยิง “เสี่ยเปี๊ยก” ดับต่อหน้าภรรยา

กาญจนบุรี 26 มิ.ย. – สุดโหด! 2 คนร้ายเรียกชื่อก่อนรัวยิงไม่นับ สังหาร “เสี่ยเปี๊ยก” นักธุรกิจและผู้กว้างขวางเมืองกาญจนบุรี เสียชีวิตต่อหน้าภรรยา ตำรวจพุ่ง 3 ปม “ชู้สาว-ขัดแย้งส่วนตัว-ธุรกิจ” ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยนาทีสังหารนายสิทธิกร หรือ เสี่ยเปี๊ยก อายุ 51 ปี ในขณะที่เสี่ยเปี๊ยกเดินมากับภรรยา กำลังจะขึ้นรถกระบะสีดำ จังหวะที่เสี่ยเปี๊ยกจะเปิดประตูฝั่งคนขับ คนร้าย 2 คน ลงมาจากรถยนต์ที่จอดอยู่ใกล้กัน คนแรกเรียกชื่อ “เสี่ยเปี๊ยก” พร้อมกับเดินตรงเข้าไปใช้ปืนจ่อยิงศีรษะเสี่ยเปี๊ยกหลายนัดจนล้มลง ก่อนคนร้ายอีกคนเดินตามกระหน่ำยิงซ้ำอีกหลายนัด จากนั้นพากันขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนภรรยาของเสี่ยเปี๊ยกเดินอ้อมมาเห็นศพสามีก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ตะโกนขอความช่วยเหลือ บริเวณลานจอดรถหน้าร้านวัสดุก่อสร้างชื่อดังริมถนนบายพาส (เลี่ยงเมือง) จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วานนี้ (25 มิ.ย.) ภายหลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตรวจสอบสภาพศพเสี่ยเปี๊ยก พบร่องรอยกระสุนเจาะเข้าตามศีรษะ ใบหน้า ต้นคอ ลำตัว และแขน รวม […]

ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา

พังงา 26 มิ.ย.- ตำรวจพังงา พร้อมเจ้าหน้าที่ EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา ตำรวจพังงา พร้อมด้วยตำรวจชุด EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ซุกอยู่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและปิดกั้นพื้นที่ ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในจุดดังกล่าว โดยการตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ตำรวจพังงาจับกุม 2 คนร้ายชาวปัตตานี พร้อมกับรถยนต์ที่ซุกระเบิดแสวงเครื่องไว้ภายในรถ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ข้อมูลเบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวนระบุว่า ตำรวจแกะรอยจากการไล่กล้องวงจรปิด พบคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุที่กระบี่ มาก่อเหตุที่พังงา.-สำนักข่าวไทย

ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ จัดทัพเริ่มนิ่ง

อสมท 26 มิ.ย. – ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ “ภูมิธรรม” นั่งรองนายกฯ ควบ มท.1 ด้าน กล้าธรรม “นฤมล” คุมนั่ง รมว.ศึกษาฯ ขณะที่ “สุชาติ ตันเจริญ” ชื่อติดนั่ง รมว.แรงงาน ความเคลื่อนไหวในการปรับคณะรัฐมนตรี แพทองธาร ½ สำหรับโผการจัด ครม. ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย 2 ตำแหน่ง คือ นายเดชอิศม์ ขาวทอง และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กระทรวงกลาโหม พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร นายชูศักดิ์ ศิรินิล […]

นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอบคุณที่เสียสละ ขออดทนอดกลั้น

สระแก้ว 26 มิ.ย.- นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอให้อดทนอดกลั้น ขอบคุณที่เสียสละ พร้อมพบปะนักเรียนแนวชายแดน มอบอุปกรณ์การเรียน-กีฬา ก่อนไปตรวจหลุมหลบภัย เวลา 13.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อยทหารพราน 1202 บ้านป่าไร่ ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยไปดูบังเกอร์ของหน่วยดังกล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบกัน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร ว่าต้องมาประจำที่ห่างไกลจากครอบครัว ต้องขอขอบคุณที่เสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทหารคือรั้วของชาติ การมาประจำการอยู่ใกล้ชิดชายแดนขนาดนี้ ต้องอดทน อดกลั้น เพราะมีสิ่งยั่วยุอยู่มากมาย ในการรักษาความสงบเรียบร้อย อดทนอดกลั้นเพื่อให้การทำงานราบรื่น พร้อมย้ำว่าอะไรที่ต้องการ รัฐบาลสนับสนุน ขอให้บอกมาเลย ยืนยันไม่ลืมเรื่องการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และสวัสดิการ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางมาที่โรงเรียนตระเวนชายแดนประชารัฐบำรุง 1 ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปทักทายนักเรียนในห้องเรียนต่างๆ โดยนักเรียนแต่ละห้องได้โชว์กิจกรรมที่เกี่ยวกับการเรียนที่แตกต่างกันไปให้นายกรัฐมนตรีชม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมอบอุปกรณ์การเรียน นม ขนม […]