“พล.อ.ประยุทธ์” อ้อนชาวใต้ “รักแล้ว รักอยู่ รักต่อ”

ชุมพร 10 พ.ค.-“พล.อ.ประยุทธ์” นำสมาชิก “รวมไทยสร้างชาติ” ชุดใหญ่ลงพื้นที่ จ.ชุมพร หาเสียงช่วยผู้สมัครช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง อ้อนขอคะแนน “รักแล้ว รักอยู่ รักต่อ” ขอแรงเลือกรวมไทยสร้างชาติทั้งจังหวัด สานต่องานบริหารประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา บูรพชัยศรี รองหัวหน้าพรรค และคณะผู้บริหารพรรค เดินทางมาพบปะประชาชน และปราศรัยหาเสียง แนะนำผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติทั้ง 3 เขต


ทั้งนี้ ประกอบด้วย  เขต 1 เบอร์ 11 นายวิชัย สุดสวาสดิ์,เขต 2 เบอร์ 12 นายสันต์ แซ่ตั้ง และ เขต 3 เบอร์ 9 นายสุพล จุลใส โดยทันทีที่เดินทางถึงสนามบินชุมพร มีคณะผู้บริหารพรรคในพื้นที่ภาคใต้ และประชาชนชาว จ.ชุมพรมารอต้อนรับ ส่งเสียงเชียร์อย่างคึกคักเหมือนทุกจังหวัดที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปหาเสียงโดยหลังจากทักทายกับประชาชนแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้เดินทางเข้าตัวอำเภอประทิว เพื่อขึ้นรถแห่หาเสียงพร้อมผู้สมัครทันที โดยขึ้นปราศรัยบนรถแห่ กลางตลาดสด อำเภอปะทิว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้น่าชื่นใจที่ทุกคน ทุกวัยมาพบกัน แต่สิ่งที่ต้องดูคือตอนนี้คนไม่ค่อยแต่งงานมีครอบครัวกัน ทำให้ประเทศไทยมีเด็กเกิดน้อยลง อนาคตจะขาดแคลนแรงงานดังนั้นสิ่งที่จะต้องมองต่อไปข้างหน้าคือจะทำอย่างไรที่จะแก้ปัญหานี้ ที่อาจจะต้องนำเข้ามาบ้าง แต่ส่วนของคนไทยเองจะต้องพัฒนาฝีมือแรงงานให้เป็นแรงงานฝีมือดี มีงานที่ดีทำ จัดหาตำแหน่งงานให้ เพื่อสร้างมูลค่า ในส่วนของเด็กๆ เยาวชนการศึกษาอยากให้เด็กๆ เรียนและคิดไปด้วยอย่าให้ใครมายุยง เพระโอกาสในประเทศไทยของเรามีมากมาย ต่างประเทศแย่กว่าเรา คนต่างประเทศอยากมาประเทศไทยเพราะรอยยิ้ม อะไรก็ดี วันที่ 14 พ.ค.นี้ก็ขอให้ออกไปเลือกตั้งกัน ขอให้จำเบอร์ของผู้สมัครให้ได้ เบอร์ 12 นายสันต์ แซ่ตั้ง และเบอร์ 22 เบอร์พรรค เลือกให้พรรครวมไทยสร้างชาติเข้าไป เพื่อเดินหน้าไปด้วยกัน สัญญาก็คือสัญญา มีคนบอกว่า รักน้อยๆ รักนานๆ แต่ตนไม่เอา อยากให้ รักมากๆ และรักนานๆ ด้วย หน้าตาตนก็พอดูได้ เมื่อวานที่ปัตตานีเรียกตนว่า “แบยุ” ตอนนี้จะเรียกว่าอะไรก็ได้ แต่ขอให้รักมากๆ และรักกันนานๆ  “รักแล้ว รักอยู่ รักต่อ”


“ผมคิดไว้หมดแล้ว เพราะทำมา 8 ปี รู้ปัญหาทั้งหมด ก่อนอื่นต้องหาเงินเข้ากระเป๋าเราก่อน ไม่งั้นมันทำไม่ได้ ผมก็พยายามเชื่อมต่อกับต่างประเทศวันนี้เขามั่นใจประเทศไทย ว่าเป็นประเทศที่น่าจะเข้ามาลงทุนมากที่สุด ภาษีรายได้เราก็มากขึ้น เงินกระเป๋าซ้ายเรามากขึ้น ก็สามารถนำมาจ่ายในกระเป๋าขวาให้กับพวกเราได้ ในการดูแลสวัสดิการต่างๆ ให้กับทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้เดินทางต่อไปยัง อ.ท่าแซะ พร้อมขึ้นรถแห่หาเสียงต่อ โดยระบุว่า วันนี้แม้จะต้องตื่นแต่เช้าขึ้นเครื่องบินมาที่นี่ แต่เมื่อพบหน้าทุกคนก็รู้สึกดีใจหายเหนื่อย ไม่ใช่คนใต้ แต่ภรรยาเกิดที่ใต้ วันนี้มาด้วยความคิดถึง อยากให้ทุกคนเลือก รวมไทยสร้างชาติเข้าไปเป็นรัฐบาลก็จะทำงานต่อให้กับทุกคนได้มีรอยยิ้ม โดยการแก้ปัญหาให้กับคนตั้งแต่เกิด โต ไปจนถึงสูงอายุ เรื่องสวัสดิการ ทั้งเรื่องสุขภาพ การศึกษาเล่าเรียน เศรษฐกิจ ประมง ปัญหาที่ดินต่างๆ

ถ้า รทสช.ได้เป็นรัฐบาลจะทำเรื่องเหล่านี้ให้ดีขึ้นๆ ไป หลังจากที่ทำมาแล้ว วันที่ 14 พ.ค.นี้ขอให้เลือกคนดีที่จะเข้าไปทำงานให้กับประเทศ เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติมากๆ เพื่อให้เข้าไปเป็นรัฐบาลสานงานที่เคยทำมาแล้วต่อไป ไม่ต้องไปเริ่มใหม่ โดยใน จ.ชุมพร ขอให้เลือกตัวแทนของ พรรค ทั้ง 3 คน ได้แก่ เขต 1 เบอร์ 11 นายวิชัย สุดสวาสดิ์,เขต 2 เบอร์ 12 นายสันต์ แซ่ตั้ง และ เขต 3 เบอร์ 9 นายสุพล จุลใส เลือกทั้งหมดรวมทั้งเบอร์ 22 เบอร์ของ “ลุงตู่” เบอร์ของพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย


“รักทุกคน รักจังฮู้ รักนานๆ รักทุกวันไม่มีวันหยุด เสาร์อาทิตย์ก็รัก ตัวจะอยู่หรือไม่อยู่ก็คิดถึงทุกคน วันที่ 14 นี้เลือกรวมไทยสร้างชาติเยอะๆ เราจะได้เข้าไปทำงานให้ แต่ถ้าไม่เลือกเราก็ทำอะไรให้ไม่ได้นะจ๊ะ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

จากนั้นเดินทาง ไปเทศบาลเมือง จ.ชุมพร เข้าสักการะศาลหลักเมือง จ.ชุมพร พร้อมขึ้นรถแห่ปราศรัยไปตามถนนสายหลักท่ามกลางประชาชนที่มารอต้อนรับ ส่งเสียงเชียร์สนั่นตลอดสองข้างทาง บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก 

โดยระหว่างการปราศรัยบนรถแห่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงเน้นผลงานความสำเร็จที่เคยทำมาแล้ว และพร้อมที่จะเดินหน้าต่อในทุกเรื่องเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ภายใต้การบริหารจัดการที่มีคุณภาพ  เพราะตนเคยทำมาแล้วจึงรู้ว่าควรทำเรื่องไหนก่อน หรือเรื่องไหนทำได้ทำไม่ได้ ภายใต้งบประมาณที่จำกัด

“ผมยืนยันว่า หากได้เป็นรัฐบาลอีกครั้งจะทำให้ประชาชนมีความสุขเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำเรื่องของความรักสามัคคี ขอให้ประชาชนทุกคนยึดถือสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรักษาความเป็นปึกแผ่นของแผ่นดิน เยาวชนต้องดูแลรักเคารพพ่อแม่ ที่ผ่านมาในฐานะนายกฯ ได้พยายามทำงานเพื่อความสุขของประชาชน ทั้งเรื่องการทำมาหากินที่อยากให้ทุกคนสามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีความสุข

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องสวัสดิการรัฐ ที่ได้เคยทำมาให้ทุกคนแล้ว โดยเฉพาะการแก้ปัญหาในช่วงวิกฤติโควิด 19  เชื่อว่าทุกคนเห็นผลงานมาแล้ว หลายทำมาอย่างต่อเนื่อง ตนสู้ทุกอย่าง ทุกเม็ด แม้ว่ารวมไทยสร้างชาติจะสู้มาอย่างโดดเดี่ยวแต่ตอนนี้มีประชาชนมาสนับสนุน จึงไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

“ผมขอให้เชื่อมั่นในรวมไทยสร้างชาติ อยากให้เลือกรวมไทยสร้างชาติเข้าไปทำงานเป็นรัฐบาลเดียว เพื่อความเป็นเอกภาพในการทำงาน มีคนมาบอกว่าข้าราชการเป็นช้างป่วย เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีใครชอบที่จะให้ใครมาดูถูกดูหมิ่นกัน อย่าให้ใครมาพูดแบบนี้ทุกคนต้องช่วยกันเลือกทั้ง ส.ส.เขต และเบอร์ 22 เบอร์ลุงตู่ พรรครวมไทยสร้างชาติ” พล.อ.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล..อ.ประยุทธ์ ย้ำด้วยว่า ใครที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ก็รีบตัดสินใจ อย่าลังเล ตอนนี้มีเวลาเหลืออีกไม่นานจะถึงวันเลือกตั้งขอให้ เลือกเรา พรรครวมไทยสร้างชาติ เราจะเข้าไปทำต่อ ทำงานทุกอย่างให้คนทุกรุ่นทุกวัย รักทุกคน ถ้าไม่รักจริงไม่อยู่มานานขนาดนี้ ขอบคุณทุกคนจากหัวใจของ “ลุงตู่”

ขณะที่การปราศรัยจุดสุดท้าย ที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร มีประชาชนชาวหลังสวนสวมเสื้อเหลืองมารอต้อนรับ

โดย พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้ขึ้นรถแห่หาเสียง และปราศรัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมกล่าวว่า วันนี้ดีใจที่มา อ.หลังสวน ที่เป็น อำเภอที่สุขสงบ มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ตนขอชื่นชมคนใต้ทุกคนที่รักสถาบันหลักของประเทศ ตนมาด้วยความรักความคิดถึง เอาความรักมาฝาก ขอให้เลือกสุพล จุลใส เบอร์ 9 การเลือกตั้งก็คือการเลือกตั้งเพื่อให้ประเทศสุขสงบ ไม่แตกเป็นฝักเป็นฝ่าย ครอบครัวต้องรักกันเหมือนเดิม อย่าให้ใครมายุแหย่ เด็กและเยาวชนจะต้องมีอนาคตที่ดีบนแผ่นดินไทยผืนนี้  วันนี้รู้สึกอบอุ่นใจมากเพราะมีคนต้อนรับตลอดทาง เพราะเป็นคนที่มีใจตรงกัน ขอให้ช่วยกันดูแลประเทศชาติไปพร้อมกับลุง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จำเป็นต้องทำเพื่อคนทั้งประเทศ ทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ ขอให้เชื่อมั่น สิ่งที่พรรครวมไทยสร้างชาติให้ความสำคัญคือการดูและเรื่องปากท้องของประชาชน มีสวัสดิการให้ทุกคน ทุกช่วงวัย เรื่องเศรษฐกิจต้องทำให้ดีขึ้น ทุกวันนี้ก็มีการลงทุนเข้ามามากแล้ว และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่การพัฒนาทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานความมั่นคง บ้านเมืองที่มีวินัย ต้องไม่ละเมิดกฎหมาย ถ้าไม่มีกฎหมายก็อยู่ไม่ได้ เราไม่เคยขัดแย้งกับกฎหมาย กฎหมายไม่เคยรังแกใคร เราต้องรื้อ ลด ปลด สร้างกฎหมายหลายตัว เพื่อให้การพัฒนาประเทศไม่สะดุด

วันนี้มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตผู้พิพากษา และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดังนั้นผมจึงเชื่อมั่นว่าเราจะทำได้และประเทศจะปลอดภัยมีกฎหมายที่ดี ที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศอย่างแน่นอน “ลุงตู่ตัวจริงมาแล้ว เสียงดังเหมือนเดิม หน้าตาเหมือนเดิม รักทุกคน ทุกวัยทุกเพศ ทุกอาชีพ ที่ห่วงที่สุดคือเด็กน้อยเหล่านี้เขาต้องมีอนาคต อย่าทิ้ง ส.ส.สุพล เบอร์ 9 ขอให้เลือกเข้ามา และอย่าลืมเบอร์ 22 ให้ลุงตู่เข้าไปทำงาน เราต้องเลือกคนของเราเข้าสภาให้มากขึ้น ลุงตู่จะได้ทำงานให้มากขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย