“พล.อ.ประยุทธ์” อ้อนชาวใต้ “รักแล้ว รักอยู่ รักต่อ”

ชุมพร 10 พ.ค.-“พล.อ.ประยุทธ์” นำสมาชิก “รวมไทยสร้างชาติ” ชุดใหญ่ลงพื้นที่ จ.ชุมพร หาเสียงช่วยผู้สมัครช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง อ้อนขอคะแนน “รักแล้ว รักอยู่ รักต่อ” ขอแรงเลือกรวมไทยสร้างชาติทั้งจังหวัด สานต่องานบริหารประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา บูรพชัยศรี รองหัวหน้าพรรค และคณะผู้บริหารพรรค เดินทางมาพบปะประชาชน และปราศรัยหาเสียง แนะนำผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติทั้ง 3 เขต


ทั้งนี้ ประกอบด้วย  เขต 1 เบอร์ 11 นายวิชัย สุดสวาสดิ์,เขต 2 เบอร์ 12 นายสันต์ แซ่ตั้ง และ เขต 3 เบอร์ 9 นายสุพล จุลใส โดยทันทีที่เดินทางถึงสนามบินชุมพร มีคณะผู้บริหารพรรคในพื้นที่ภาคใต้ และประชาชนชาว จ.ชุมพรมารอต้อนรับ ส่งเสียงเชียร์อย่างคึกคักเหมือนทุกจังหวัดที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปหาเสียงโดยหลังจากทักทายกับประชาชนแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้เดินทางเข้าตัวอำเภอประทิว เพื่อขึ้นรถแห่หาเสียงพร้อมผู้สมัครทันที โดยขึ้นปราศรัยบนรถแห่ กลางตลาดสด อำเภอปะทิว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้น่าชื่นใจที่ทุกคน ทุกวัยมาพบกัน แต่สิ่งที่ต้องดูคือตอนนี้คนไม่ค่อยแต่งงานมีครอบครัวกัน ทำให้ประเทศไทยมีเด็กเกิดน้อยลง อนาคตจะขาดแคลนแรงงานดังนั้นสิ่งที่จะต้องมองต่อไปข้างหน้าคือจะทำอย่างไรที่จะแก้ปัญหานี้ ที่อาจจะต้องนำเข้ามาบ้าง แต่ส่วนของคนไทยเองจะต้องพัฒนาฝีมือแรงงานให้เป็นแรงงานฝีมือดี มีงานที่ดีทำ จัดหาตำแหน่งงานให้ เพื่อสร้างมูลค่า ในส่วนของเด็กๆ เยาวชนการศึกษาอยากให้เด็กๆ เรียนและคิดไปด้วยอย่าให้ใครมายุยง เพระโอกาสในประเทศไทยของเรามีมากมาย ต่างประเทศแย่กว่าเรา คนต่างประเทศอยากมาประเทศไทยเพราะรอยยิ้ม อะไรก็ดี วันที่ 14 พ.ค.นี้ก็ขอให้ออกไปเลือกตั้งกัน ขอให้จำเบอร์ของผู้สมัครให้ได้ เบอร์ 12 นายสันต์ แซ่ตั้ง และเบอร์ 22 เบอร์พรรค เลือกให้พรรครวมไทยสร้างชาติเข้าไป เพื่อเดินหน้าไปด้วยกัน สัญญาก็คือสัญญา มีคนบอกว่า รักน้อยๆ รักนานๆ แต่ตนไม่เอา อยากให้ รักมากๆ และรักนานๆ ด้วย หน้าตาตนก็พอดูได้ เมื่อวานที่ปัตตานีเรียกตนว่า “แบยุ” ตอนนี้จะเรียกว่าอะไรก็ได้ แต่ขอให้รักมากๆ และรักกันนานๆ  “รักแล้ว รักอยู่ รักต่อ”


“ผมคิดไว้หมดแล้ว เพราะทำมา 8 ปี รู้ปัญหาทั้งหมด ก่อนอื่นต้องหาเงินเข้ากระเป๋าเราก่อน ไม่งั้นมันทำไม่ได้ ผมก็พยายามเชื่อมต่อกับต่างประเทศวันนี้เขามั่นใจประเทศไทย ว่าเป็นประเทศที่น่าจะเข้ามาลงทุนมากที่สุด ภาษีรายได้เราก็มากขึ้น เงินกระเป๋าซ้ายเรามากขึ้น ก็สามารถนำมาจ่ายในกระเป๋าขวาให้กับพวกเราได้ ในการดูแลสวัสดิการต่างๆ ให้กับทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้เดินทางต่อไปยัง อ.ท่าแซะ พร้อมขึ้นรถแห่หาเสียงต่อ โดยระบุว่า วันนี้แม้จะต้องตื่นแต่เช้าขึ้นเครื่องบินมาที่นี่ แต่เมื่อพบหน้าทุกคนก็รู้สึกดีใจหายเหนื่อย ไม่ใช่คนใต้ แต่ภรรยาเกิดที่ใต้ วันนี้มาด้วยความคิดถึง อยากให้ทุกคนเลือก รวมไทยสร้างชาติเข้าไปเป็นรัฐบาลก็จะทำงานต่อให้กับทุกคนได้มีรอยยิ้ม โดยการแก้ปัญหาให้กับคนตั้งแต่เกิด โต ไปจนถึงสูงอายุ เรื่องสวัสดิการ ทั้งเรื่องสุขภาพ การศึกษาเล่าเรียน เศรษฐกิจ ประมง ปัญหาที่ดินต่างๆ

ถ้า รทสช.ได้เป็นรัฐบาลจะทำเรื่องเหล่านี้ให้ดีขึ้นๆ ไป หลังจากที่ทำมาแล้ว วันที่ 14 พ.ค.นี้ขอให้เลือกคนดีที่จะเข้าไปทำงานให้กับประเทศ เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติมากๆ เพื่อให้เข้าไปเป็นรัฐบาลสานงานที่เคยทำมาแล้วต่อไป ไม่ต้องไปเริ่มใหม่ โดยใน จ.ชุมพร ขอให้เลือกตัวแทนของ พรรค ทั้ง 3 คน ได้แก่ เขต 1 เบอร์ 11 นายวิชัย สุดสวาสดิ์,เขต 2 เบอร์ 12 นายสันต์ แซ่ตั้ง และ เขต 3 เบอร์ 9 นายสุพล จุลใส เลือกทั้งหมดรวมทั้งเบอร์ 22 เบอร์ของ “ลุงตู่” เบอร์ของพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย


“รักทุกคน รักจังฮู้ รักนานๆ รักทุกวันไม่มีวันหยุด เสาร์อาทิตย์ก็รัก ตัวจะอยู่หรือไม่อยู่ก็คิดถึงทุกคน วันที่ 14 นี้เลือกรวมไทยสร้างชาติเยอะๆ เราจะได้เข้าไปทำงานให้ แต่ถ้าไม่เลือกเราก็ทำอะไรให้ไม่ได้นะจ๊ะ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

จากนั้นเดินทาง ไปเทศบาลเมือง จ.ชุมพร เข้าสักการะศาลหลักเมือง จ.ชุมพร พร้อมขึ้นรถแห่ปราศรัยไปตามถนนสายหลักท่ามกลางประชาชนที่มารอต้อนรับ ส่งเสียงเชียร์สนั่นตลอดสองข้างทาง บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก 

โดยระหว่างการปราศรัยบนรถแห่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงเน้นผลงานความสำเร็จที่เคยทำมาแล้ว และพร้อมที่จะเดินหน้าต่อในทุกเรื่องเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ภายใต้การบริหารจัดการที่มีคุณภาพ  เพราะตนเคยทำมาแล้วจึงรู้ว่าควรทำเรื่องไหนก่อน หรือเรื่องไหนทำได้ทำไม่ได้ ภายใต้งบประมาณที่จำกัด

“ผมยืนยันว่า หากได้เป็นรัฐบาลอีกครั้งจะทำให้ประชาชนมีความสุขเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำเรื่องของความรักสามัคคี ขอให้ประชาชนทุกคนยึดถือสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรักษาความเป็นปึกแผ่นของแผ่นดิน เยาวชนต้องดูแลรักเคารพพ่อแม่ ที่ผ่านมาในฐานะนายกฯ ได้พยายามทำงานเพื่อความสุขของประชาชน ทั้งเรื่องการทำมาหากินที่อยากให้ทุกคนสามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีความสุข

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องสวัสดิการรัฐ ที่ได้เคยทำมาให้ทุกคนแล้ว โดยเฉพาะการแก้ปัญหาในช่วงวิกฤติโควิด 19  เชื่อว่าทุกคนเห็นผลงานมาแล้ว หลายทำมาอย่างต่อเนื่อง ตนสู้ทุกอย่าง ทุกเม็ด แม้ว่ารวมไทยสร้างชาติจะสู้มาอย่างโดดเดี่ยวแต่ตอนนี้มีประชาชนมาสนับสนุน จึงไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

“ผมขอให้เชื่อมั่นในรวมไทยสร้างชาติ อยากให้เลือกรวมไทยสร้างชาติเข้าไปทำงานเป็นรัฐบาลเดียว เพื่อความเป็นเอกภาพในการทำงาน มีคนมาบอกว่าข้าราชการเป็นช้างป่วย เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีใครชอบที่จะให้ใครมาดูถูกดูหมิ่นกัน อย่าให้ใครมาพูดแบบนี้ทุกคนต้องช่วยกันเลือกทั้ง ส.ส.เขต และเบอร์ 22 เบอร์ลุงตู่ พรรครวมไทยสร้างชาติ” พล.อ.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล..อ.ประยุทธ์ ย้ำด้วยว่า ใครที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ก็รีบตัดสินใจ อย่าลังเล ตอนนี้มีเวลาเหลืออีกไม่นานจะถึงวันเลือกตั้งขอให้ เลือกเรา พรรครวมไทยสร้างชาติ เราจะเข้าไปทำต่อ ทำงานทุกอย่างให้คนทุกรุ่นทุกวัย รักทุกคน ถ้าไม่รักจริงไม่อยู่มานานขนาดนี้ ขอบคุณทุกคนจากหัวใจของ “ลุงตู่”

ขณะที่การปราศรัยจุดสุดท้าย ที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร มีประชาชนชาวหลังสวนสวมเสื้อเหลืองมารอต้อนรับ

โดย พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้ขึ้นรถแห่หาเสียง และปราศรัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมกล่าวว่า วันนี้ดีใจที่มา อ.หลังสวน ที่เป็น อำเภอที่สุขสงบ มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ตนขอชื่นชมคนใต้ทุกคนที่รักสถาบันหลักของประเทศ ตนมาด้วยความรักความคิดถึง เอาความรักมาฝาก ขอให้เลือกสุพล จุลใส เบอร์ 9 การเลือกตั้งก็คือการเลือกตั้งเพื่อให้ประเทศสุขสงบ ไม่แตกเป็นฝักเป็นฝ่าย ครอบครัวต้องรักกันเหมือนเดิม อย่าให้ใครมายุแหย่ เด็กและเยาวชนจะต้องมีอนาคตที่ดีบนแผ่นดินไทยผืนนี้  วันนี้รู้สึกอบอุ่นใจมากเพราะมีคนต้อนรับตลอดทาง เพราะเป็นคนที่มีใจตรงกัน ขอให้ช่วยกันดูแลประเทศชาติไปพร้อมกับลุง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จำเป็นต้องทำเพื่อคนทั้งประเทศ ทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ ขอให้เชื่อมั่น สิ่งที่พรรครวมไทยสร้างชาติให้ความสำคัญคือการดูและเรื่องปากท้องของประชาชน มีสวัสดิการให้ทุกคน ทุกช่วงวัย เรื่องเศรษฐกิจต้องทำให้ดีขึ้น ทุกวันนี้ก็มีการลงทุนเข้ามามากแล้ว และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่การพัฒนาทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานความมั่นคง บ้านเมืองที่มีวินัย ต้องไม่ละเมิดกฎหมาย ถ้าไม่มีกฎหมายก็อยู่ไม่ได้ เราไม่เคยขัดแย้งกับกฎหมาย กฎหมายไม่เคยรังแกใคร เราต้องรื้อ ลด ปลด สร้างกฎหมายหลายตัว เพื่อให้การพัฒนาประเทศไม่สะดุด

วันนี้มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตผู้พิพากษา และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดังนั้นผมจึงเชื่อมั่นว่าเราจะทำได้และประเทศจะปลอดภัยมีกฎหมายที่ดี ที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศอย่างแน่นอน “ลุงตู่ตัวจริงมาแล้ว เสียงดังเหมือนเดิม หน้าตาเหมือนเดิม รักทุกคน ทุกวัยทุกเพศ ทุกอาชีพ ที่ห่วงที่สุดคือเด็กน้อยเหล่านี้เขาต้องมีอนาคต อย่าทิ้ง ส.ส.สุพล เบอร์ 9 ขอให้เลือกเข้ามา และอย่าลืมเบอร์ 22 ให้ลุงตู่เข้าไปทำงาน เราต้องเลือกคนของเราเข้าสภาให้มากขึ้น ลุงตู่จะได้ทำงานให้มากขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]